ในมื้ออาหารประจำวันของเรานั้นเต็มไปด้วยของกินหลากหลาย ทั้งอาหารคาว ของหวาน ผักผลไม้ หรือขนมแสนอร่อย โดยที่เราอาจไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นต่างมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘จุลินทรีย์’ อยู่ด้วย ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี และส่วนมากจะไปสะสมอยู่ที่ระบบทางเดินอาหารของเรา หากมีจุลินทรีย์ชนิดดีเยอะก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง

แต่ถ้ามีจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีมากๆ ก็จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมและทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เราจึงต้องรักษาความสมดุลของจุลินทรีย์ให้ดีด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยนพ. กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาท ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.วิมุต จะมาอธิบายเรื่องจุลินทรีย์ในระบบอาหาร พร้อมแนะนำวิธีการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย และการตรวจเช็กความสมดุลของจุลินทรีย์ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีไม่ป่วยได้ง่ายๆ  

จุลินทรีย์คืออะไร ทำหน้าที่อะไรในระบบทางเดินอาหาร

จุลินทรีย์ (Microorganism) คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กระดับเซลล์ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ยีสต์ เป็นต้น ซึ่งพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ และพบในร่างกายมนุษย์ด้วยเช่นกัน โดยจุลินทรีย์เหล่านี้พบมากในระบบทางเดินอาหารของเรา มีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป

นพ. กุลเทพ อธิบายว่าหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่อยู่ในร่างกายเราว่า “หน้าที่หลักๆ ของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารของเราคือ 1.ช่วยย่อยสารประกอบต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 2.ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคให้เข้ามาในร่างกาย และ 3.ส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และอาจช่วยเรื่องอื่นๆ ตามแต่ละชนิดของจุลินทรีย์นั้นๆ”

นพ. กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาท ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.วิมุต
นพ. กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาท ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.วิมุต

เนื่องจากจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารของเรามีทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี ตามหลักการเราจึงต้องรักษาระดับจุลินทรีย์ให้มีทั้ง ความสมดุล หมายถึง ต้องมีจุลินทรีย์ดีเป็นสัดส่วนที่มากกว่าไม่ดี และความหลากหลาย คือ ต้องมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดในร่างกาย เพราะแต่ละชนิดมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน เพื่อที่จุลินทรีย์ที่ดีจะได้ช่วยย่อยสารประกอบที่มีประโยชน์มาให้ร่างกายเรา ส่งผลให้ฟังก์ชันต่างๆ ของร่างกายสมบูรณ์ขึ้น มีภูมิคุ้มกันที่ดี และเจ็บป่วยน้อยลง โดย นพ. กุลเทพ อธิบายกรณีที่ร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีมากกว่าชนิดที่ดีว่า

“ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายเราขาดสมดุลจุลินทรีย์ หรือการที่เรามีจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีเยอะกว่าก็จะทำให้ร่างกายเราทำงานผิดปกติ เช่น อาจจะย่อยอาหารไม่ดีเท่าเดิม ภูมิคุ้มกันต่ำลง ส่งผลให้เราเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”

ร่างกายผิดปกติ อาจเพราะจุลินทรีย์ไม่สมดุล

สำหรับการสังเกตว่าเรามีภาวะขาดสมดุลจุลินทรีย์หรือไม่ อาจดูได้จากอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น อาหารไม่ย่อย อารมณ์แปรปรวน หรือมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของภาวะอื่นๆ ได้เช่นกัน ซึ่งแพทย์ รพ.วิมุต แนะนำว่าหากต้องการความแน่ใจก็สามารถมาตรวจเช็กได้ที่โรงพยาบาล ซึ่งตรวจได้ตั้งแต่อายุน้อย จะได้วางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

เทคโนโลยีการตรวจเช็กสมดุลจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร

ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบได้ว่าจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารของเรามีปริมาณเท่าไหร่ ทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี โดยใช้การตรวจเฉพาะทางที่เรียกว่า Gut Health Test ซึ่งเป็นการเก็บตัวอย่างอุจจาระ จากนั้นส่งเข้าแล็บเพื่อทำการวิเคราะห์ ใช้เวลาประมาณ 14-21 วันก็จะได้ข้อมูลของจุลินทรีย์ภายในทางเดินอาหาร Gut Microbiome profile ของบุคคลคนนั้นๆ ที่จะแสดงสัดส่วนของจุลินทรีย์แต่ละชนิดในร่างกาย ซึ่งสามารถตรวจได้ในบุคคลทั่วไป หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรค ไม่ว่าโรคระบบทางเดินอาหารเช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ลำไส้แปรปรวน โรคเบาหวาน ภายหลังการตัดต่อลำไส้ รวมถึงมีข้อมูลสนับสนุนในกลุ่มอื่นไม่ว่าภาวะภูมิแพ้ ภาวะน้ำหนักเกิน และอีกหลายภาวะ ด้าน นพ. กุลเทพ อธิบายขั้นตอนต่อไปว่า

“แพทย์จะนำข้อมูลส่วนนี้ไปวางแผนการดูแลคนไข้แต่ละคน ซึ่งมี 3 วิธีหลัก ๆ คือ 1. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การกิน การนอน การออกกำลังกาย 2. ใช้โพรไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย และ 3. ท้ายที่สุดในเฉพาะผู้ป่วยที่จำเป็นต่อการรักษาโรคบางกลุ่มด้วยการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ชนิดดีเข้าไปในร่างกาย

จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็มีความสำคัญกับร่างกายของเรา ดังนั้นเราจึงต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ให้สมดุล หรือสามารถมาตรวจเช็กเพื่อดูความสมดุลของจุลินทรีย์ก็จะช่วยวิเคราะห์และวางแผนการใช้ชีวิต เพื่อจะได้มีภูมิคุ้มกันที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรง” นพ. กุลเทพ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจต้องการปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สามารถติดต่อได้ที่ ชั้น 5 ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ หรือโทรนัดหมาย 02-079-0054 เวลา 08.00-20.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก