นับวันภาวะเรือนกระจกก่อตัวทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวน สุดขั้วจนเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  เช่น การเกิดคลื่นความร้อน พายุหมุน ไฟป่า การเกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายฤดูกาล หรือกระทั่งน้ำท่วมจากปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และแนวโน้มของการเกิดภัยธรรมชาติเหล่านี้ ยังจะเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อโลกรับผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจก

ก่อนหน้านี้มีข้อมูลจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization; WMO) ระบุว่า ช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลา 8 ปีที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากที่สุด ขณะเดียวกันข้อมูลสำนักอุตุนิยมวิทยาสหราชอาณาจักรยังได้คาดการณ์ว่า ปี 2023 จะเป็นอีกปีที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกอยู่ในระดับ “ร้อนมาก” ที่ 1.2 องศาเซลเซียส

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ที่นอกจากจะกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตบนโลกแล้ว ยังขยายไปยังภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และภาคการเกษตร นั่นหมายความว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงรายได้จากการส่งออกของประเทศและอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของโลกอีกด้วย  ซึ่งปี 2566 ประเทศไทยเผชิญภัยแล้งต่อเนื่องไป 3 ปี ข้างหน้าเพราะเป็นช่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ หลังจากนั้นจะเกิดน้ำท่วมที่ต่อเนื่องเป็น ช่วง ๆ ด้วยลานีญา

 ไทยกำหนดเป้าหมายสู่ Net Zero

สำหรับประเทศไทยได้ยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ. 2050 และจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 และด้วยการสนับสนุนจากความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้ กรอบอนุสัญญาฯ ไทยจะยกระดับ NDC (Nationally Determined Contribution) หรือ เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยมีทั้งแผนระยะสั้น และระยะยาว

ภาคธุรกิจตื่นตัวปรับแผนช่วยโลก

ในทางเดียวกันภาคธุรกิจมีความตื่นตัวถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินธุรกิจสอดรับกับการเปลี่ยนแปลง  อาทิ ซื้อขายคาร์บอนเครดิต  การเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดซับก๊าซเรือนกระจก และการดักจับกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ เพื่อตอบสนองการต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่นเดียวกับ บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ได้ร่วมกับบริษัทคู่ค้า กลุ่มซัพพลายเออร์ผลผลิตข้าวโพด และข้าว เปิดตัวกิจกรรม “Climate Actions For A Better Tomorrow” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิต ผ่าน“โครงการเกษตรกรรมฟื้นฟู” หรือ Regenerative Agriculture

ดึงเกษตรกรรมฟื้นฟูปลูกข้าวโพดและข้าว

นายปิยรัฐ อมรฉัตร ผู้อำนวยการด้านการจัดซื้อ ภูมิภาคเอเชีย บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า  เริ่มดำเนินโครงการเกษตรกรรมฟื้นฟูในการปลูกข้าวโพดและข้าว ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง นำร่องและเป็นโครงการต้นแบบที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ลพบุรี  ซึ่งจะเป็นการปฏิบัติการนำร่อง ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์และฟื้นฟูดินควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

“โครงการเกษตรกรรมฟื้นฟูมุ่งยกระดับสุขภาพและความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อจัดเก็บคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับปรุงคุณภาพของลุ่มน้ำ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ   ที่สำคัญยังสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งกับเกษตรกรเพื่อจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก้าวไปสู่การเกษตรแบบเท่าทันภูมิอากาศ ( Climate Smart Agriculture) โดยทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์และเกษตรกรส่งเสริมวิธีการทำเกษตรที่ดี และการสนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิตข้าวโพดและข้าวอย่างยั่งยืน” นายปิยรัฐ กล่าว

สำหรับโครงการดังกล่าว นับเป็นวาระสำคัญของทุกภาคส่วน จ.นครราชสีมา การทำเกษตรคืออาชีพหลัก นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ตัวแทน จ.นครราชสีมา พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ให้เป็นรูปธรรม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก