สถานีโทรทัศน์โมร็อกโกรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุ แผ่นดินไหว เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 8 กันยายน พุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 632 รายแล้ว โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 329 ราย
กระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโกประกาศปรับเพิ่มตัวเลขผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าวผ่านแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ โดยระบุว่าจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้อย่างหนักประกอบด้วย ฮัล ฮาอูซ, วาร์ซาซาเต, มาร์ราเกซ, อาซิลาล, ชิเชาอา และทารูดันท์

จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดของโมร็อกโกในรอบ 19 ปี นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวในปี 2547 ใกล้กับอัลฮอเคมา ทางตอนเหนือของเทือกเขาริฟ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 600 ราย
นายสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกองค์การสหประชาชาติ ประกาศผ่านแถลงการณ์ว่า สหประชาชาติพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือรัฐบาลโมร็อกโก ในความพยายามที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ในเมืองมาร์ราเกซ เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากที่สุด มีรายงานว่าอาคารหลายหลังในเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้พังทลายลงมา ขณะที่ในเมืองราบัต ซึ่งอยู่ห่างจากอิกิล ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหวไปทางเหนือประมาณ 350 กิโลเมตร และเมืองอิมซูอาน ซึ่งตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลทางตะวันตกห่างราว 180 กิโลเมตร ผู้คนต่างหนีตายออกจากบ้านเรือนเพราะกลัวว่าแผ่นดินไหวจะทวีความรุนแรงขึ้น