ศ.สุชาติ ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่แก้เกณฑ์การให้สวัสดิการถ้วนหน้าแก่ผู้สูงอายุ เป็นการเลือกสงเคราะห์ ที่ต้องพิสูจน์ความจน จะทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากอยู่อย่างลำบาก ขาดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เงินจะไม่ถึงผู้สูงอายุที่ยากจนจริง จะมีการเบียดบังเงินให้พวกพ้อง จะคอรัปชั่นกันมาก
ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าว ดังนี้
1. “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” กับเกณฑ์ใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่ต่อไปผู้สูงอายุ ต้องพิสูจน์ความจน คือไม่มีรายได้ หรือรายได้ไม่พอ จึงจะได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 600, 700, 800, 1,000 บาทต่อเดือน
2.เบี้ยผู้สูงอายุนี้ ออกมาแบบมาตามกรอบความคิด “สวัสดิการถ้วนหน้า สำหรับคนไทยผู้มีอายุเกิน 60 ปีทุกคน ที่ไม่ได้รับบำนาญหรือสวัสดิการอื่น”
3.ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยที่ทำงานพัฒนาชาติบ้านเมืองมานานจนอายุ 60 ปี มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระลูกหลานมากนัก ลูกหลานจะได้มีชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้ดี ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
4.การเปลี่ยนจากแนวคิดสวัสดิการถ้วนหน้า มาเป็นระบบสงเคราะห์อนาถา ถือเป็นวิธีคิดแบบถอยหลังเข้าคลอง เป็นระบบศักดินาแบบเก่า เลือกปฏิบัติ เอาเงินรัฐบาลมาแจกแบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณแก่ประชาชน
5.การที่มีการกล่าวว่ารัฐต้องใช้เงินกว่า 90,000 ล้านบาทต่อปี ดูแลผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคน ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินนั้น เป็นวิธีคิดแบบรัฐเป็นนาย ประชาชนเป็นบ่าว ไม่ใช่วิธีคิดแบบเสรีนิยม ที่รัฐบาลเป็นผู้รับใช้ ประชาชนเป็นนายรัฐบาล
6.กระผมหวังว่า พี่น้องประชาชนผู้สูงอายุและลูกหลาน จะช่วยกันทักท้วง ให้เลิกระเบียบมหาดไทยอันนี้ และหากกระผมมีโอกาสเป็นรัฐบาลเอง ในอนาคตไม่นาน กระผมก็จะเปลี่ยนเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 ถึง 1,000 บาท เป็น 3,000 บาทต่อเดือน เป็นบำนาญของประชาชน ที่เป็นสิทธิของคนไทย รัฐบาลผู้จัดสรรเงินให้ไม่มีบุญคุณ ซึ่งจะใช้เงินปีละ 400,000 ล้านบาท โดยปรับโครงสร้างรายจ่ายของรัฐบาลที่ฟุ่มเฟื่อย, ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นลง