เรียกได้ว่าเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่ชาวเน็ตให้ความสนใจเมื่อช่วงที่ผ่านมา สำหรับดราม่าของ “บิว จักรพันธ์ พุทธา” นักแสดงวัยรุ่นที่แจ้งเกิดจาก KinnPorsche The Series ถูกอดีตแฟนสาวที่เป็นนักเขียนบทออกมาแฉพฤติกรรมในด้านลบในระหว่างที่คบหากัน จนกลายเป็นที่วิพากย์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์
ซึ่งต่อมาหนุ่มบิวได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว ระบุว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบให้กับทางค่าย ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนนักแสดง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบไปมากกว่านี้ จึงได้ขอประกาศลาออกมาจากนักแสดงสังกัดค่าย Be on Cloud และขอนำความจริงทั้งหมดไปสู้ในชั้นศาล
ล่าสุด บิว พร้อมด้วยนายรณกฤษ ศรีเปรมหทัย ทนายความ ได้นำเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องต่อคู่กรณีที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมขอความเป็นธรรม หลังถูกคู่กรณีแฉจนทำให้เสียชื่อเสียง
โดยบิว อ้างว่า “วันนี้รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ เพราะไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องมายื่นเอกสารฟ้องใคร เราเคยเห็นแค่ในหนัง ไม่คิดว่าจะมาฟ้องใครในชีวิตจริง เรื่องที่ผมต้องการชี้แจ้งคือเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ยืนยันว่าไม่ได้ทำ และผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายร่างกายเขาเลย ถ้าไปถามคนที่โตมากับผมตั้งแต่เด็ก ผมไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นเลย
จริงๆ แล้วมันคือการเล่นกัน ผมกับเขามีพฤติกรรมเล่นกันแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน แล้วพอมีความสัมพันธ์ด้วยกันก็เล่นแบบนี้ อย่างเช่นคลิปสับหลังเขา ก็คือเล่นกันจริงๆ และมีอีกคลิปที่เขาดึงแขนผมเหมือนจะผลักผมตกตึกอีก ถ้าอันนั้นเรียกว่าทำร้ายร่างกาย อันนี้ไม่เข้าข่ายพยายามฆ่าเลยเหรอ ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าผมเล่นกับเขารุนแรงไป ผมก็จะขอโทษเขาวันนั้น
ส่วนประเด็นเรื่องการตั้งท้อง ผมไม่เคยรับรู้มาก่อน ผมมารู้ตอนยุติความสัมพันธ์ เขามาบอกผมว่าไปทำแท้งมาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเขาท้องจริง ผมก็ยินรับและดูแลถึงแม้ว่าจะเลิกกันแล้วก็ยินดีรับผิดชอบ แต่ส่วนตัวผมค่อนข้างไม่เชื่อเรื่องท้อง
ประเด็นเรื่องทรัพย์สินก็มีการส่งคืนเรียบร้อยแล้ว หลักฐานทั้งหมดผมมี และอยู่ที่ทนายหมดแล้ว ซึ่งการทวงเงิน 10 ล้าน ไม่ใช่จำนวนจริง และเรื่องที่ยืมเงินก็ยืมจริงแต่ได้คืนไปหมดแล้ว ส่งหลักฐานไปเรียบร้อย ส่วนสิ่งของที่เขาให้ผมโดยที่ไม่ร้องขอ ที่โอนเข้าบัญชีของผม ผมก็ได้มีการโอนคืนกลับไปทุกครั้ง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ผมก็รอให้เข้ามาตอบความจริงอยู่ ผมพร้อมมากครับ ในเรื่องคบซ้อน ผมไม่ได้คบซ้อน ในตอนนั้นผมได้ขอยุติความสัมพันธ์ไปแล้วหลายครั้ง แต่เขาไม่ยอม แล้วมันทำให้ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาคาราคาซัง ผมกลัวเขาจากการข่มขู่ ผมกลัวจริงๆ เขาจะเปิดโปงทุกอย่างถ้าผมเลิกกับเขา เขาจะบอกกับทุกคนว่าผมคบกับเขา และปัญหาทุกอย่างก็จะตามมาเรื่อยๆ ผมไม่สามารถปรึกษาใครได้เลยในเรื่องแบบนี้ ทำให้ผมตกอยู่ในสภาวะจะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ทรมาน แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้ว ไม่รู่ว่าถ้าไม่สู้ตอนนี้ จะสู้ตอนไหน หลังจากมีประเด็นไม่ขอติดต่อทางใดทางหนึ่งเลยคุยกันไปก็ไม่ดีขึ้น ก่อนหน้านี้มีโทรคุยกัน ผมก็ยืนยันในความบริสุทธิ์ของผม เริ่มเรื่องทั้งหมดผมไม่ได้เป็นคนทำ ผมพยายามสุดความสามารถแล้ว เขาบอกว่าเขาเชื่อ แต่ก็กล่าวว่าผมเอาตัวรอด เขาบอกว่าผมทำไปทั้งหมดเพราะเห็นแก่ตัวเอง
สำหรับผมตอนนี้มันเลยคำว่าเสียใจมาแล้ว ถามว่าตายทั้งเป็นไหม มันก็ไม่ขนาดน้้น เพราะผมก็มีครอบครัวผมอยู่ คนที่รัก และรอผมอยู่ ผมไม่สามารถมองอนาคตได้ แต่ผมจะพยายามแก้ไขอดีตในสิ่งที่ผมทำผิดพลาด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำก็ตาม ผมจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน อย่างที่ผมเคยบอกมาเสมอ ซึ่งผมอยากจะบอกทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ผมได้แบบมีอารยะผมรับได้ครับ ส่วนความเสียหายก็ให้ทางทนายจัดการ แต่ในเรื่องความสูญเสียทางจิตใจ ผมก็ไม่ได้รู้สึกดี แต่ผมก็ยังมีครอบครัวให้กำลังใจ หากมีโอกาสก็พร้อมเจอหน้าและพูดคุย ปรับความเข้าใจกัน เพราะไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร”
ด้านทนายรณกฤษ เผยว่า “จากหลักฐานที่บิวส่งให้ทนายล้วนแล้วแต่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีน้ำหนักข้อมูลครบถ้วนพอสมควร เชื่อว่าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบิวได้แน่นอน ตอนนี้ศาลนัดมาแล้วช่วงเดือนพฤษภาคม ส่วนข้อหาที่ฟ้องก็จะมีข่มขืนใจ กรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และข้อหาอื่นๆ
และอยากฝากถึงการแสดงความคิดเห็น ถ้าก่อให้เกิดความเสียหาย ใส่ร้ายป้ายสี ทนายจะดำเนินการทุกกรณี ซึ่งก็ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว ส่วนเรื่องจะไกล่เกลี่ยพอมาถึงขนาดนี้ก็คงลำบาก แต่ก็ไม่ได้ปิดอะไร ก็รอให้คู่กรณีติดต่อมา”