หลังเกิดกรณีนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล ทำร้ายร่างกายนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังยื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิด “โน้ส อุดม แต้พานิช” จากการแสดงเดี่ยว 13 พาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างมาก จนแฮชแท็กศรีสุวรรณ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว และยังมีหลายคนอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องโทษการทำร้ายร่างกายว่าสามารถจ่ายค่าปรับเพียง 500 ถึง 1,000 บาท แล้วเรื่องก็จบ คำพูดนี้คงไม่มีอีกแล้ว
เนื่องจากตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ตัวอย่างเช่น การตบตีกัน โทษจากเดิม คือ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ได้มีการแก้ไขใหม่ โดยเพิ่มโทษปรับเป็นไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าไม่มีเงินค่าปรับ ก็กักขังแทนค่าปรับ วันละ 500 บาท
เรื่องนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ก็ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวไว้ด้วยว่า
“วันนี้มีแมตช์หยุดโลกนะครับ หน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งปกติคนไทยไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการทำร้ายร่างกายกันเท่าไหร่ แต่เคสนี้ยกเว้นด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ ผมในฐานะทนาย เลยอยากมาแนะนำข้อกฎหมายในกรณีที่ลุงศักดิ์มาใส่ไม่นับหมัดกับศรีสุวรรณ จรรยา ว่าผิดกฎหมายข้อใดบ้าง
เท่าที่เห็นนะครับ เนื่องจากไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย จึงผิดข้อหาทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้ถึงอันตรายแก่กาย จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นความผิดลหุโทษ เจ้าพนักงานสามารถเปรียบเทียบปรับได้ ถ้าทั้งคู่ยินยอม ยังไงไม่พอใจอะไรกัน ก็พูดจากันดีๆ นะครับ อย่าลงมือลงไม้กันเลย”
ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม
ขณะที่แหล่งข่าวสายกฎหมาย ให้ข้อมูลเรื่องนี้เช่นกันหลังจากมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องนี้เข้าข่ายทำร้ายร่างกาย หรือเข้าข่ายวิวาทได้หรือไม่ เห็นว่ากรณีนี้เข้าข่ายการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากขณะเกิดเหตุนายศรีสุวรรณ ได้มีการปัดป้องเพื่อป้องกันตัวเองและถอยออกมา ไม่ได้เข้าไปต่อยตีกันอีก และต้องดูว่าทั้งสองฝ่ายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหรือไม่ หากไม่มีหรือไม่เคยรู้จักกันมาก่อน กรณีนี้นายศรีสุวรรณ จึงตกเป็นผู้เสียหาย ส่วนนายวีรวิชญ์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าหากนายศรีสุวรรณ กลับเข้าไปต่อยสวนหรือทำร้ายร่างกายกันอีก คดีนี้ก็อาจจะพลิกเป็นวิวาทได้
ส่วนผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องเช่นชายเสื้อสีขาวที่เข้าไปล็อกนายวีรวิชญ์ หากนายวีรวิชญ์ รู้สึกว่าถูกล็อกและทำร้ายก็สามารถแจ้งความได้ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่เข้าไปดึงผมชายเสื้อขาว หากชายเสื้อขาวรู้สึกว่าถูกทำร้ายร่างกายก็แจ้งความหญิงคนดังกล่าวได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานด้วยว่าเพียงพอหรือไม่
แต่ที่น่ากังวลคือคนที่ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย เช่น ไอ้เห้… ต่อให้เป็นผู้ดูและไม่ได้ร่วมทำร้ายร่างกายด้วย ก็อาจจะเข้าข่ายดูหมิ่นซึ่งหน้า หรือหมิ่นประมาท หรือหนักกว่านั้นคือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีอัตราโทษปรับสูงถึง 100,000 บาท เนื่องจากมีการถ่ายทอดของผู้สื่อข่าวอยู่ในขณะนั้นด้วย