‘การเดินทางของดนตรีดูเหมือนมีเส้นเวลาบังคับอยู่ในแง่มุมของบทเพลงสมัยนิยม ในโลกยุค 2.0 ล้วนเป็นเช่นนั้น เพราะงานเพลงพาณิชย์ศิลป์ที่มีสื่อยุคอนาล็อกมักมีบทเพลงและอัลบั้มสูญหายไปในช่องว่างของกาลเวลา แต่มีศิลปินและอัลบั้มส่วนหนึ่งที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์เชิงธุรกิจเหล่านั้น
‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ ไม่ได้เป็นอัลบั้มยอดนิยม อัลบั้มคู่ที่มีชื่อเพลงเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่มีเพลงฮิตเลยสักเพลง แต่กลายเป็นอัลบั้มที่คนฟังเพลงสายลึกและนักสะสมต้องมีอยู่บนหิ้งเพลงของตัวเอง และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดนตรีที่ตามมาในอีกไม่นาน ผ่านความขบถและเป็นตัวของตัวเอง’
อัลบั้ม ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ (Princess of Flora, Prince of the Sea) ของ “พราย ปฐมพร ปฐมพร” ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเยี่ยมและเป็นตำนานของวงการเพลงร็อกไทย ซึ่งในที่นี้จะไม่จัดหมวดหมู่ให้ไปอยู่ในกลุ่มอินดี้ เพราะตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก ‘ไม่ได้มามือเปล่า’ และชุดที่ 2 ‘พราย’ ปฐมพร ปฐมพร เดินทางอยู่ในลู่ของธุรกิจดนตรีในสังกัดค่ายเพลงขนาดกลางแบบ รถไฟดนตรี ซึ่งมีทิศทางการทำการตลาดแบบตลาดเพลงยอดนิยมทั่วไป

หลังจากสลัดตัวตนเดิมมาสู่จิตวิญญาณของ ‘พราย’ ในอัลบั้มชุดที่ 2 ดูเหมือนความเป็นศิลปินคัลท์ของเขางอกงามเบิกบานเต็มที่ จนมาสู่การทำงานร่วมกันกับค่ายเพลงบีเอ็มจี ค่ายเพลงเมเจอร์จากสหรัฐอเมริกาที่หันมาเปิดตลาดเพลงไทย และเปิดโอกาสให้ พรายได้สำแดงฤทธิ์ผ่านดนตรีและงานเพลงของเขาแบบเต็มที่
หากย้อนมองกลับไปในห้วงเวลาเหล่านั้น ตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก ‘ไม่ได้มามือเปล่า’ ตายเพื่อจุติในอัลบั้ม ‘พราย’ และมาสู่จุดสูงสุดในอัลบั้มคู่ ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ ชุดนี้
ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ the Reporters ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 10 ตุลาคม 2562 ตอนออกอัลบั้ม ‘Precious’ ซึ่งถอดถอนตัวเองออกจากวงจรของธุรกิจเพลงปกติมาสู่ความเป็นอินดี้ คัลท์ แบบเต็มรูปแบบ พราย ขยายความให้ฟังว่า เขากลับมาด้วยความรู้สึกว่า ครั้งหนึ่ง เขาเป็นผู้ที่หว่านเมล็ดพันธุ์ความทุกข์ ความเหงา เศร้า และเดียวดาย ความเกลียดชังและเจ็บปวด ไว้กับแฟนเพลงกลุ่มหนึ่ง เมื่อกาลเวลาผ่านไป เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเติบโตไปพร้อมๆ กัน ในทิศทางที่ต่างกัน
บ้างเข้าใจ และเจริญเติบโต สวยงาม บ้างไม่เข้าใจ และยังคงจมกับความไม่เข้าใจนั้นต่อไป เขาจึงกลับมาเพื่อหยิบยื่น หวังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเมล็ดพันธุ์ใหม่ ด้วยความรู้สึกที่ว่า เราทุกคนล้วนมีแสงสว่างในตัวเอง เราทุกคนล้วนเป็น ‘พราย’ ที่มีแสงระยิบระยับในตัวเอง แต่บางคนอาจยังมองไม่เห็น หรือไม่เข้าใจ ถ้าบทเพลงของพราย จะเป็นส่วนเล็กๆ ทำให้คนเหล่านี้ ได้ค้นพบตัวเอง เข้าใจตัวเอง และสามารถเติบโตได้ด้วยพลังในตัวของมันเอง พลังที่ออกมาจากจิตใจที่สมบูรณ์ เปี่ยมไปด้วยความรักและความสุข ถือว่าเขาประสบความสำเร็จแล้ว
เขากลับมาเพื่อบอกกับทุกคนว่า ความเกลียดชัง การต่อว่ากัน มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย…
นั่นคือความคิดที่สืบเนื่องและคลี่คลายในอีก 26 ปีต่อมา ความเป็นคัลท์แบบพรายได้ฝังลึกลงไปสู่แฟนเพลงของเขาอย่างเต็มที่ กลับมาที่อัลบั้มคู่ ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ ที่แบ่งคอนเซ็ปต์หรือแนวความคิดชัดเจนในแต่ละอัลบั้มแต่เป็นเอกภาพเดียวกัน
‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้’ นำเสนอมวลรวมของอณูเนื้ออารมณ์ความรู้สึกของเพลงที่พูดถึงความรู้สึกด้านบอบบาง ความอ่อนไหว ความงาม ความบริสุทธิ์ การอยากเสียสละ และความรู้สึกที่ตกต่ำที่สุด เหมือนดอกไม้กลีบบางหนามแหลมคม
‘เจ้าชายแห่งทะเล’ รวบยอดเพลงที่สะท้อนถึงความรุนแรง ความก้าวร้าว การวิพากษ์วิจารณ์สังคม ผู้คน รวมถึงตัวศิลปินเอง เปรียบเสมือนทะเลคลั่ง
อัลบั้มก่อนหน้านี้คือ ‘พราย’ ได้แสดงเอกลักษณ์ของบทเพลงที่ไม่แคร์ตลาดเพลงยอดนิยมและแฟนเพลงทั่วไป โดยไม่มีชื่อเพลงในอัลบั้มแม้แต่เพลงเดียว ซึ่งแน่นอนในการโปรโมทเพื่อเปิดเพลงในคลื่นวิทยุย่อมที่จะยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพลงติดตลาด แต่ได้สร้างความจดจำและความจงรักภักดีจากแฟนเพลงจนเป็นฐานของคนฟังเพลงที่สำคัญและขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาถึงอัลบั้มคู้นี้
แน่นอน ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ ยังเดินไปข้างหน้า ด้วยการใช้สัญลักษณ์แทนชื่อเพลง เพลงส่วนใหญ่ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น รูปดอกไม้ ✿, ปีศาจ ♆, พระอาทิตย์ ☼, ไฟ/เทียน 🕯️ ฯลฯ แทนการใช้ชื่อเพลงเป็นตัวอักษร เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงความหมายมากกว่าภาษาพูดและภาษาเขียน นับเป็นความตั้งใจในการเปิดกว้างในจินตนาการของคนฟังเพลงแต่ละคนตามภูมิหลังประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละคนที่จะท่องเพริศไปกับดนตรีและความหมายในเนื้อเพลงที่ซับซ้อนทางความคิดและดนตรี
จุดที่โดดเด่นเป็นอย่างมากที่สุดพุ่งลอยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ คือคอนเซ็ปต์หรือแนวความคิดรวบยอดในแง่การสร้างสรรค์อัลบั้มคู่โดยมีแก่นเรื่องที่ตัดกันแต่สมบูรณ์ในตัวเอง ‘เจ้าหญิง’ คือด้านที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ของจิตใจมนุษย์ หรือการมองโลกในแง่ดี ในขณะที่ ‘เจ้าชาย’ คือด้านมืด ความโกรธแค้น การประชดประชัน และการวิพากษ์ความเป็นจริงที่โหดร้าย
อย่างที่จับได้และดำดิ่งลงลึกไปสู่ความรู้สึกผ่านอารมณ์ของคนฟังตั้งแต่บทเพลงในอัลบั้มชุดแรกเป็นต้นมา ซึ่งคนฟังเพลงของพรายร่วมรับรู้และจินตภาพไปด้วยกัน ก็คือเนื้อหาเชิงปรัชญาและความรู้สึกในบทเพลงของพราย ปฐมพร ที่มีลึกซึ้งและเป็นกวี มีการใช้ภาษาที่เรียบง่ายแต่สื่อสารอารมณ์และแนวคิดที่ซับซ้อน ทั้งเรื่องของชีวิต ความตาย สังคม การเมือง ความรัก และการค้นหาตัวเอง เนื้อหาหลายเพลงมุ่งเน้นไปที่การสะท้อนความจริงอย่างตรงไปตรงมาและรุนแรง
การท้าทายขนบในวงการเพลงร็อกและดนตรีสมัยนิยมของวงการเพลงพาณิชย์ศิลป์ในเมืองไทย ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้มาก่อน ปกอัลบั้มใช้เป็นภาพวาดแนวโกธิคกลิ่นอายลายศิลปะไทยและการใช้สัญลักษณ์แทนชื่อเพลง ถือเป็นการท้าทายและปฏิเสธธรรมเนียมการตลาดเพลงกระแสหลักในยุคนั้นอย่างชัดเจน เป็นการยืนยันว่าผลงานนี้ต้องการขายความคิดที่เป็นเอกภาพในแบบคอนเซ็ปต์อัลบั้ม และดนตรี ไม่ใช่ความผิวเผินของรูปลักษณ์และความบันเทิงในการฟังเพื่อความนิยมและนำไปสู่ยอดขายสูงสุด
ความน่าสนใจของคอนเซ็ปต์อัลบั้มคู่ชุดนี้ก็คือ กลิ่นอายอบอวลของความเป็นมืดหม่นก้าวร้าวและโศกลึกที่สืบทอดอุดมการณ์ในแบบโพสต์-พังก์ คือรูปรอยแบบโกธิค ร็อก (Gothic Rock) ในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 1970 ถึงต้นยุคทศวรรษที่ 1980 ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการสร้างบรรยากาศที่มืดมน ครุ่นคิด และน่าหลงใหล ผ่านลักษณะเด่นและองค์ประกอบทางดนตรีที่ชัดเจนของความรู้สึกของความเศร้าโศก โศกนาฏกรรม และความสิ้นหวัง
เสียงกีตาร์ที่ไพเราะและหนักแน่น เน้นการใช้เสียงก้อง เสียงสะท้อนเพื่อสร้างกำแพงเสียงที่กว้างและล่องลอย ริฟฟ์กีตาร์ให้ความรู้สึกที่เย็นชาและเป็นทำนอง ริธึมที่หนักแน่นและเป็นจังหวะกระแทกเข้าสู่ใจ เบสไลน์มีความโดดเด่นและซับซ้อน เป็นตัวขับเคลื่อนเพลงที่สำคัญ เสียงร้องที่จริงจังและขับเปล่งออกมาแบบตรงๆ ไม่ออกแบบทางการขับร้องมากนัก เป็นการร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก มีการใช้เสียงที่หนักแน่น ลึก และดิ่งตรงสู่ใจของคนฟัง
เนื้อหาและสุนทรียภาพของอัลบั้ม ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ สะท้อนจริตในจิตวิญญาณของโกธิค ร็อก ที่ไม่ได้หมายถึงแค่ความมืดมน แต่หมายถึงความโรแมนติกที่มืดมิด เช่น ความตาย ความรักที่เจ็บปวด ความเชื่อความศรัทธา สิ่งเหนือธรรมชาติ และความแปลกแยกจากสังคม
ก้าวย่างของ พราย ปฐมพร ปฐมพร ในอัลบั้มคู่ชุดนี้ทำให้เขากลายเป็นศิลปินคัลท์โดยสมบูรณ์แบบอย่างมิต้องสงสัย แม้อัลบั้มก่อนหน้านี้ 2 ปี จะเป็นการแนะนำตัวตนของ ‘พราย’ ได้อย่างชัดเจนแจ่มจรัสแล้วก็ตาม แต่งานชุดนี้ได้ตอกย้ำเน้นเข้าไปถึงตัวตนด้านในแบบไม่ประนีประนอม
ตัวตนนี้ถูกหล่อหลอมและแสดงออกผ่านทั้งเนื้อหา ดนตรี และภาพลักษณ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน ปฏิเสธและท้าทายกรอบของสังคม ความคาดหวัง และระบบดนตรีเชิงพาณิชย์ศิลป์ของยุคสมัย เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับและผู้ที่อยู่ภายนอกสังคม ผ่านการเจาะลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกและด้านมืด ด้วยความเข้มข้น หม่นหมอง และชวนให้ค้นหาความจริงของชีวิต ในบรรยากาศลึกลับและเศร้าสร้อย การเรียบเรียงดนตรีมีความเป็นอิสระและหลุดจากกรอบของเพลงตลาด ตอกย้ำถึงความรู้สึกที่แท้จริงและปฏิเสธความสวยงามจอมปลอม
บทเพลงของพรายได้สำรวจความเป็นจริงที่ลึกลงไปในจิตวิญญาณและความบกพร่องของมนุษย์และสังคม เลือกที่จะทวนกระแสสังคมด้วยความสุขในใจที่จริงแท้ และการรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ผ่านงานศิลปะที่ไม่ประนีประนอม
ตอนหน้าจะพาท่องไปในสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของชื่อเพลงในบางบทเพลงของอัลบั้ม ‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ ว่าทำไมมันจึงกลายเป็นอิทธิพลและแรงบันดาลใจให้กับนักร้องและคณะดนตรีในยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อก อินดี้ และใต้ดินรุ่นต่อมาอย่างมิอาจปฏิเสธได้….
![‘เจ้าหญิงแห่งดอกไม้ เจ้าชายแห่งทะเล’ มาก่อนกาล บุกเบิกแผ้วทางให้อัลเทอร์เนทีฟร็อกไทย [2]](https://feedforfuture.co/wp-content/uploads/2025/11/115e8a07-8abf-4ce2-94b8-bcd198507a4d-1536x749.jpg)

