Indy Mania By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s
‘อินดี้ คืออะไรสำหรับวงการเพลงเมืองไทย ความเป็นอิสระจากดนตรีพาณิชย์ศิลป์กระแสหลักที่เป็นดนตรียอดนิยมอยู่ในตลาดเพลงสมัยนิยม ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จในการทำเพลงเพื่อป้อนคนฟังของยุคสมัย ปี 2537 มีอะไรเกิดขึ้นมากมายในวงการเพลงไทย และเป็นจุดแยกแตกทางแพร่งที่สำคัญในยุคสุดท้ายของอนาล็อก ซึ่งอีกไม่กี่ปีต่อมาการมาถึงของเทปผีซีดีเถื่อนและเอ็มพี 3 รวมถึงการโหลดเพลงฟรี ได้ทำให้ยุคต่อมาเปรียบเสมือนยุคมืดของวงการ’
การเสียชีวิตในวันที่ 5 เมษายน 2537 ของ เคิร์ต โคเบน (Kurt Cobain) นักดนตรีชาวอเมริกันผู้เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ของคณะดนตรีแนวกรันจ์ร็อค เนอร์วานา (Nirvana) ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงรสนิยมการฟังเพลงและวงการเพลงโลก นับเป็นข่าวที่สร้างความโศกเศร้าให้กับแฟนเพลงร็อกทั่วโลก และถือเป็นการสิ้นสุดยุคกรันจ์ร็อกในความหมายของความเป็น ‘อินดี้’ หมายถึงคณะดนตรีนอกกระแสจากค่ายเพลงเล็กๆ ในท้องถิ่นหรือภูมิภาค สามารถถีบตัวเองขึ้นสู่กระแสหลักและเป็นคณะดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก
ในวงการเพลงสหรัฐอเมริกาที่ส่งอิทธิพลในรสนิยมการฟังเพลงของแฟนเพลงทั่วโลก กำหนดทิศทางการฟังเพลงในแต่ละช่วงเวลานั้นๆ ในปี 2537 ยังเป็นแรงเหวี่ยงจากลูกตุ้มยักษ์ของบทเพลง ‘Smells Like Teen Spirit’ ที่ทำให้กระแสอัลเทอร์เนทีฟร็อกรุ่งเรืองเฟื่องฟูไปมากกว่าปี 2537 อีกแล้ว อัลบั้มแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ทำลายสถิติถึงขึ้นสู่อันดับหนึ่งของ Billboard ถึง 8 อัลบั้มในปีนั้น
อัลเทอร์เนทีฟเนชันสร้างประวัติศาสตร์บนชาร์ตซิงเกิล คณะดนตรีพ็อปพังก์ ดิ ออฟสปริง (The Offspring) ขายอัลบั้มจากค่ายเพลงอินดี้ได้มากกว่าที่คณะดนตรีแนวโปรเกรสสีฟร็อกระดับตำนานอย่าง พิงค์ ฟลอยด์ (Pink Floyd) เคยทำได้ในอดีต
คงยากที่จะหาคำนิยามทางดนตรีที่คลุมเครือและไร้ความหมายไปกว่าคำว่า ‘อัลเทอร์เนทีฟ’ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัลบั้มยอดนิยมประจำปี 2537 กลับพบว่ามันเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปีที่เต็มไปด้วยความหลากหลายดนตรีเช่นนี้

ดนตรีร็อกได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายครั้งในช่วงครึ่งแรกของยุคทศวรรษที่ 1990 นี้ ซึ่งนำโดยอัลบั้ม ‘Nevermind’ ของ เนอร์วานา ที่กำหนดนิยามยุคสมัย อัลบั้มที่ขายได้ระดับมากมายมหาศาลทั่วโลกนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการเพลงอย่างจริงจัง และตามมาด้วยผลงานระดับมัลติแพลตินัมจากคณะดนตรีกรันจ์ร็อกร่วมยุคอย่าง เพิร์ล แจม (Pearl Jam), ซาวด์การ์เดน (Soundgarden), อลิซ อิน เชนส์ (Alice in Chains), สโตน เทมเพิล ไพล็อตส์ (Stone Temple Pilots) และอีกมากมาย
ดนตรีแนวกรันจ์ร็อกได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ก็ล้มเหลวอย่างรวดเร็วและงดงามไม่แพ้จุดเริ่มต้น ดังที่เห็นได้จากการเสียชีวิตของเคิร์ต โคเบน ในเดือนเมษายน ปี 1994 แต่คณะดนตรีแนวนี้หลายคณะยังคงครองอันดับ 1 บนชาร์ตในปีนั้น แม้พวกเขาต้องเผชิญกับดนตรีร็อกแนวใหม่หลายแนว อาทิ พ็อปพังก์ซ่าๆ ของคณะ กรีน เดย์ (Green Day) ที่ตีคู่มากับ ดิ ออฟสปริง (the Offspring) ดนตรีแนวพาวเวอร์พ็อปแบบปัญญาชนคมคายของคณะ วีเซอร์ (Weezer) อินดี้ร็อคจอมเสียดสีอย่าง เพฟเมนต์ (Pavement) และอินดัสเทรียลอาร์ตร็อกของ ไนน์ อินช์ เนลส์ (Nine Inch Nails)
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดเกี่ยวกับการผงาดขึ้นพร้อมกันของดนตรีย่อยเหล่านี้ก็คือ เกือบทั้งหมดประสบความสำเร็จทางการค้าอย่างมหาศาล อัลบั้ม ‘Dookie’ ของ กรีน เดย์ ขายได้ถึง 10 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว แม้แต่อัลบั้ม ‘The Downward Spiral’ ของ ไนน์ อินช์ เนลส์ ที่ซาวด์ดนตรีน่าขนลุกก็ยังมียอดขายระดับแพลตตินัมถึงสี่เท่า ดูเหมือนว่าวงการดนตรีโดยรวมได้นำแนวทางแบบเบ็ดเสร็จมาใช้ และผู้บุกเบิกมากมายต่างก็กระหายที่จะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากดนตรีประเภทนี้
บรรยากาศดนตรีที่หลากหลายเช่นนี้ยังกระตุ้นให้ศิลปินร็อกคลาสสิกรุ่นเก่ากล้าที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการหรือตีความผลงานเก่าๆ ของพวกเขาใหม่ที่จะปรับปรุงเสียงดนตรีของพวกเขา
นั่นคือสภาพการณ์ขงวงการเพลงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรลโมเดลหรือแบบอย่างให้ประเทศทุนนิยมเสรีที่ได้รับอิทธิพลเดินตามซอฟต์ พาวเวอร์ ในรสนิยมฟังเพลงแบบอเมริกัน รวมทั้งแนวทางดนตรีบริตพ็อปอังกฤษ ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อเกิดนักร้อง คณะดนตรี และค่ายเพลงเล็กๆ อิสระที่เรียกในความหมายว่า ‘อินดี้’ (Indie) ในมุมมองต่อความเป็นขบถต่อดนตรียอดนิยมกระแสหลัก
เช่นกันในปี 2537 วงการเพลงไทยเข้าสู่ยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อก เป็นปีแห่งการกำเนิดอัลบั้มเพลงคุณภาพมากมายที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงไทยจากนักร้องและคณะดนตรีอินดี้จากค่ายเพลงเล็กๆ ที่สร้างขึ้นกับการเปิดโอกาสให้กับคณะดนตรีที่เรียกว่า คอลเลจซาวด์ จากรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ออกอัลบั้มกันมาอย่างทะลักทลาย
อันที่จริง คำว่า อินดี้ ในวงการเพลงเมืองไทยนั้น มีความหมายที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่โดยแก่นแท้แล้วมาจากคำว่า Independent ซึ่งหมายถึง อิสระเช่นกัน แม้โดยรวมแล้ว ความหมายของอินดี้ในไทยแบ่งได้เป็น 2 มิติหลัก คือมิติการบริหารจัดการ เป็นอิสระจากค่ายใหญ่ นี่คือความหมายดั้งเดิมและเป็นรากฐานของคำว่า อินดี้
จากหลักปรัชญา ‘ทำด้วยตัวคุณเอง’ (Do It Yourself – DIY) การผลิตอิสระ ศิลปินเป็นผู้ควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การแต่งเพลง อัดเสียง การทำมาสเตอร์ ไปจนถึงการจัดจำหน่ายและการโปรโมต โดยไม่ขึ้นกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ (Major Labels) หรือมีสัญญากับค่ายเพลงอิสระเล็กๆ ที่มีจุดยืนในการทำงานที่เปิดเสรีให้อิสรภาพการทำงานเพลงและสร้างสรรค์แนวดนตรีของตัวเองแบบเต็มร้อย รวมถึงศิลปินเป็นเจ้าของผลงาน (Master) ของตัวเอง ทำให้มีอิสระในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เต็มที่ ไม่นับการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial) ซึ่งศิลปินอินดี้มักจะต้องบริหารจัดการตัวเองเหมือนเป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีความเป็น ‘แบรนด์’ (Brand) ที่เป็นตัวของตัวเอง
มิติของแนวเพลงและสไตล์ (Indie as a Genre / Aesthetic) ในปัจจุบัน คำว่า ‘อินดี้’ มักถูกใช้เพื่ออธิบาย ลักษณะหรือสไตล์ของเพลงด้วยเช่นกัน ซึ่งมักจะมีลักษณะดังนี้ ความเป็นตัวของตัวเอง (Authenticity) เพลงอินดี้จะเน้นการถ่ายทอดความคิด ประสบการณ์ หรือความรู้สึกของศิลปินอย่าง ตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์ ไม่ต้องปรุงแต่งเพื่อเอาใจตลาดหรือกระแสหลักมากนัก
ความหลากหลายของแนวเพลงอินดี้ไม่ได้หมายถึงแนวเพลงใดแนวเพลงหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นแนวคิดที่สามารถอยู่ในแนวเพลงย่อยได้หลากหลายมาก เช่น อินดี้ร็อก (Indie Rock), อินดี้พ็อป (Indie Pop), อินดี้โฟล์ก (Indie Folk) หรือการผสมผสานแนวเพลงที่แปลกใหม่ โดยมีหลักยืนที่มั่นคงคือความแตกต่างจากกระแสหลักและมักเป็นเพลงที่มีกลุ่มผู้ฟังเฉพาะ (Niche Market) ในช่วงแรก และนำเสนอซาวด์ดนตรีที่มีเอกลักษณ์หรือฉีกออกจากเพลงตลาดกระแสหลักในช่วงเวลานั้นๆ
ในวงการเพลงไทย คำว่าอินดี้ไม่ได้มาถึงในทันทีในปี 2537 รวมถึงยังไม่มีคำว่า อัลเทอร์เนทีฟร็อก ที่ถูกบัญญัติแล้วในโลกดนตรีของสหรัฐอเมริกา ผลงานเพลงร็อกแนวใหม่ในขวบปีนั้น ยังถูกเรียกเหมารวมว่า ‘โมเดิร์นร็อก’ หรือแปลความง่ายๆว่า ร็อกทันสมัย
เช่นกันในช่วงยุคแรกๆ ของวงการเพลงไทยในยุคปลายทศวรรษที่ 2530 อินดี้ ยังมีความคงขลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหมายถึงการทำงานที่อิสระแบบแท้จริง แต่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีทำให้การเผยแพร่เพลงง่ายขึ้น และค่ายเพลงใหญ่เริ่มสนใจดนตรีที่มีเอกลักษณ์มากขึ้น ความหมายของอินดี้ในไทยจึงเริ่มเปลี่ยนไป
ยุคปัจจุบันนักร้องและคณะดนตรีหลายคณะที่ทำงานในแนวอินดี้อาจสังกัดค่ายเพลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังเล็กกว่าค่ายยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม หรือแม้แต่ค่ายใหญ่ก็มีค่ายย่อยที่เน้นศิลปินที่ทำงานแบบมีอิสระ
เพราะฉะนั้น การคลี่คลายตัวของอินดี้จึงมักถูกตีความหมายถึง ดนตรีที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีสไตล์เฉพาะตัว และไม่ได้ทำตามสูตรสำเร็จของตลาด (Mass Market) แม้ว่ากระบวนการผลิตหรือการจัดจำหน่ายอาจจะมีค่ายเพลงเข้ามาช่วยแล้วก็ตาม
ดังนั้น หากพูดถึงเพลงอินดี้ในวงการเพลงไทย มักจะหมายถึงเพลงที่มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นอิสระและมีความจริงใจในการถ่ายทอดเป็นหลัก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่าต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง 100% เสมอไปอีกแล้ว
มาโนช พุฒตาล อดีตบรรณาธิการนิตยสารบันเทิงคดีและค่ายเพลงไมล์สโตน เรคคอร์ดส ซึ่งเป็นค่ายเพลงอิสระเล็กๆ ยุคบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2532 ได้อธิบายถึงความหมายของคำว่า อินดี้ ในอุตสาหกรรมไว้ในปี 2547 ว่า มีด้วยกันสองความหมาย ความหมายแรก คือ การสร้างสรรค์เพลงของคนทั่วไปที่มีใจรักดนตรี เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของตนเอง เป็นการทำงานเพื่อสนองตอบความสุขโดยเป็นการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ภายในบ้านหรือห้องอัดส่วนตัว
ความหมายที่สอง คือการทำงาน รูปแบบบริษัทที่มีทีมงานผลิตผลงาน โดยมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนและกระบวนการทำงานเช่นเดียวกับค่ายเพลงใหญ่ เนื่องจากการแข่งขันของค่ายเพลงใหญ่ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้ฟังส่วนใหญ่เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดในการดำเนินธุรกิจ ได้ทำให้ตลาดเพลงไทยสากลเกิดการผูกขาดจากค่ายเพลงในระบบอุตสาหกรรมตั้งแต่การผลิต ประชาสัมพันธ์ และการจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นการปิดกั้นไม่ให้เกิดคู่แข่งรายใหม่
ขณะที่ผลกระทบของการแข่งขันในระบบอุตสาหกรรมเพลงไทยสากลของค่ายใหญ่ได้ทำให้รูปแบบของดนตรีไม่เกิดความแตกต่างและไม่มีรูปแบบทางดนตรีใหม่ที่นำเสนอแก่ผู้ฟัง ตลาดเพลงไทยสากลจึงมีแนวเพลงที่นำเสนอส่วนใหญ่เป็นเพลงพ็อป และการใช้สื่อกระตุ้นเพื่อส่งเสริมการขายเพลง
เมื่อตลาดเพลงถูกผูกขาดทำให้ศิลปินที่มีแนวคิดที่แตกต่างในด้านของแนวเพลงและรูปแบบการนำเสนอของค่ายใหญ่ไม่สามารถนำเสนอผลงานของตนเองออกสู่ตลาดได้ เนื่องจากนโยบายของค่ายใหญ่ปฏิเสธผลงานที่ศิลปินนำเสนอ ทำให้ศิลปินที่ถูกปฏิเสธมานั้นพยายามนำเสนอผลงานด้วยตนเอง
ภาวะกดดันและการก่อกำแพงแก้วของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ดูเหมือนว่า เปิดให้เข้าไปได้ แต่ที่จริงไม่ใช่ ทำให้เกิดการระเบิดของดนตรีอินดี้ยุคแรกในเมืองไทยที่เรียกกันว่า ยุคอัลเทอร์เนทีฟฯ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มาอย่างรุนแรงทะลักทะล้นในปี 2537 เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Indy Mania’