Indy Mania  By พอล เฮง 
คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s

ปี 2537 ตลาดหุ้นมีดัชนีพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกิดการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ที่รื้อจากปี 2521 ให้ทันสมัยด้วยเงื่อนไขกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ ทุกๆ อย่างในประเทศไทยขณะนั้นสวยงามอยู่ในทิศทางด้านบวก ไม่เว้นแม้แต่ในธุรกิจและอุตสาหกรรมดนตรีที่ขยายตัวอย่างพุ่งทะยาน รวมถึงปรากฏการณ์ยุคแรกของคลื่นคนดนตรีอิสระตัวเล็กๆ ที่นำพาดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อคแทรกตัวสนองตอบโสตของคนเจนเอ็กซ์ยุคปลาย

มองย้อนหลังและปัจจุบันเพื่อก้าวสู่อนาคต หากนับการครบรอบ 3 ทศวรรษที่ผ่านพ้นไปของการมาถึงของ Indy Mania ในปี 2567 หรือปีที่แล้ว ความแปรผันเปลี่ยนแปรของวงการเพลงไทยพาณิชย์ศิลป์จากปี 2537 ได้เดินทางให้เห็นถึงพลังทางดนตรีของคนหนุ่มสาวในยุคนั้นที่ส่งแรงบันดาลใจและอิทธิพลต่อหนุ่มสาวคนดนตรีรุ่นต่อมาอย่างมหาศาล

ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า หรือ ตุล ไวฑูรเกียรติ นักร้องนำและคนเขียนเพลงให้กับคณะดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ-พ็อปร็อก อพาร์ตเมนต์คุณป้า ยอมรับอย่างดุษณีในการเสวนา ‘Music History 104 แกะรอยร็อก: จากปลาย Metal สู่ยุคทอง Alternative’ พูดคุยถึงประเด็นของการรับไม้ยุคแห่งความรุ่งเรืองของอัลเทอร์ทีฟร็อกในเมืองไทย 

4 ปีที่พลิกเปลี่ยนวงการเพลงไทย ตั้งแต่ปี 2537-2540 พลันที่ฟองสบู่ทางเศรษฐกิจแตกทุกอย่างก็มลายหายพลัน  แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นที่ค้นหาเส้นทางของดนตรีตามต่อมาในยุคที่เรียกว่า อินดี้ หรือเด็กแนว

ตุล บอกว่า ป๊อด โมเดิร์นด็อก (ธนชัย อุชชิน) และคณะดนตรีนี้ ทำให้ตัวเขาที่มองว่าไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางสายนักร้อง-นักแต่งเพลง ที่มีความเฉพาะตัวไม่เข้ามาตรฐานของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ได้มีความมั่นใจในการทำงานแพลงและเล่นดนตรีออกมา นอกจากนี้ก็มีแรงเหวี่ยงของผู้มาก่อนหน้าที่กลายเป็นไอคอนของคนยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อก นั่นคือ พราย-ปฐมพร ปฐมพร ที่แหกแหวกกฎของวงการเพลงในช่วงก่อนหน้าและพาตัวเองสู่ยุคอินดี้ได้อย่างเข้มขลัง

ปัจจุบัน อพาร์ตเมนต์คุณป้า จึงเป็นคณะดนตรีร็อกที่ทำงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและเป็นขวัญใจของชาวร็อกแอนด์โรลคณะหนึ่งที่มีคนติดตามอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

เมื่อมองภาพรวมและสภาพการณ์ของวงการเพลงไทยในปี  2567 ซึ่งก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว โดยมีปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมดนตรีอย่างสิ้นเชิง เริ่มจากการเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิง รายได้หลักของอุตสาหกรรมเพลงไม่ได้มาจากยอดขายเทปและซีดี แต่แผ่นเสียงกลับมีตลาดที่เติบโต รายได้ของคณะดนตรีและนักร้องในยุคนี้มาจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Spotify, Apple Music และ YouTube Music ซึ่งทำให้การเข้าถึงเพลงเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก รวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตเล่นดนตรีสดให้กับกลุ่มแฟนเพลงของตัวเอง

ปรากฏการณ์ปลุกกระแสที-พ็อป (T-Pop หรือ Thai Pop) และซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) วงการเพลงไทยกำลังเป็นที่จับตามองในระดับสากล โดยเฉพาะศิลปินกลุ่มที-พ็อป ที่มีทั้งคณะบอยแบนด์-เกิร์ลกรุปไอดอลและนักร้องเดี่ยวที่มีศักยภาพในการก้าวสู่ตลาดโลก

ด้วยความหลากหลายของแนวเพลง วงการเพลงไทยมีสไตล์ดนตรีที่ให้เลือกฟังมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่แนวพ็อปหรือร็อก แต่ยังรวมถึงแนวเพลงอื่นๆ เช่น ฮิปฮอป, อินดี้, อาร์แอนด์บี รวมถึงดนตรีพื้นบ้านที่ถูกนำมาผสมผสานกับดนตรีสมัยใหม่ ที่สำคัญการจัดงานเทศกาลดนตรีและคอนเสิร์ต กลับมาคึกคักอย่างเต็มที่หลังสถานการณ์โควิด-19 และกลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของอุตสาหกรรมดนตรีในยุคปัจจุบัน

เมื่อมองภาพเปรียบเทียบ วงการเพลงไทยในปี 2537 คือยุคทองของเทปและซีดีที่เน้นการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบอัลบั้มเต็มและการมาถึงของแนวดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อป ส่วนในปี 2567 คือยุคดิจิทัลที่เพลงถูกกระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และมีการเติบโตของเพลงไทยในระดับสากลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เพราะฉะนั้นการย้อนกลับไปมองยุคปี 2537 ที่ยวนเสน่ห์และเป็นรากฐานของดนตรีที่แตกต่างหลากหลายมาจนถึงวันนี้จากการเปิดประตูในวันนั้นของการก่อเกิดและเริ่มต้นปรากฏการณ์ Indy Mania

การนับ 1 กันที่เปิดหัวปี 4 มกราคม 2537 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจไทยรุ่งเรืองเติบโตอย่างรวดเร็ว พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 1,753.73 จุด

แน่นอน ปี 2537 เป็นปีสำคัญของวงการเพลงไทย โดยมีปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือการประกาศใช้ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ฉบับใหม่ และการก่อตั้งค่ายเพลงใหม่ๆ จำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยกำหนดทิศทางและพัฒนาการของอุตสาหกรรมเพลงไทยให้เติบโตขึ้นอย่างมาก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับนี้ เน้นไปที่ทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งได้ยกระดับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในผลงานเพลง อันเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทย ทำให้นักร้อง คณะดนตรี และผู้สร้างสรรค์ผลงานได้รับการคุ้มครองสิทธิ์อย่างเป็นระบบมากขึ้น และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ค่ายเพลงเมเจอร์ระดับโลกหวนกลับคืนมาทำตลาดเพลงไทยอย่างเต็มที่อีกครั้ง หลังจากการถวนยวงของอีเอ็มไอ (EMI) โพลีดอร์ (Polydor) และดับเบิลยูอีเอ (WEA) ในยุคทศวรรษที่ 2520 อีเอ็มไอ ส่งค่ายอีไมเนอร์ มาทำตลาดเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อก เช่นเดียวกับทางโพลีแกรม บีเอ็มจี และวอร์เนอร์

สอดคล้องกับการขยายตัวในการก่อตั้งค่ายเพลงใหม่ๆ ขนาดเล็กที่เกิดขึ้น จำนวนมากในช่วงปีดังกล่าว ซึ่งเรียกว่าค่ายเพลงอิสระ เป็นการเปิดพื้นที่ให้นักร้องและคณะดนตรีรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถ และสร้างสรรค์ผลงานในแนวเพลงที่หลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงรุ่นของวัยรุ่นเจนเอ็กซ์ยุคปลายที่เติบโตขึ้นมา ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนวิถีในการเสพฟังเพลงตามยุคสมัยที่ได้รับมาจากโลกดนตรีตะวันตกอย่าง สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ คนฟังกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่และมีกำลังซื้อที่เริ่มมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ค่ายเพลงต้องปรับตัวเพื่อผลิตเพลงที่ตรงตามความต้องการของตลาด และสร้างรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ

การแข่งขันที่สูงขึ้นระหว่างค่ายเพลงใหม่ๆ และค่ายเพลงยักษ์ใหญ่และขนาดกลางที่ครองตลาดเพลงอยู่เดิม ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบการผลิต การตลาด และการนำเสนอผลงานเพลงให้ทันสมัยและดึงดูดใจผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้ว ปี  2537 ถือเป็นปีแห่งการปฏิรูปและเติบโตของวงการเพลงไทย

อัลบั้มเพลงในช่วงปี 2537

การประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ และการเกิดขึ้นของค่ายเพลงใหม่ๆ เป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้การขยายตัวอีกอย่างเกิดจากปัจจัยสำคัญ คือความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการบันทึกเสียง ที่มีเทปคาสเสตต์ที่เป็นฐานหลักอยู่เดิม ก็มีซีดีเพิ่มเข้ามาในตลาดเพลงช่วงนี้ รวมถึงรายได้เฉลี่ยต่อเดือนในครัวเรือนและการถือครองวิทยุและโทรทัศน์ตามบ้านเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น การทำการตลาดของค่ายเพลงต่างๆ จึงรุนแรงและเข้มข้นเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษนี้

ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 คือ แกรมมี่ ได้ขยับตัวครั้งสำคัญในปีนี้เช่นกัน เป็นบริษัทเพลงที่สามารถนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จเป็นรายแรกในประวัติศาสตร์ของธุรกิจเพลงทำให้อุตสาหกรรมดนตรีของไทยเติบโตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

25 มีนาคม 2537 ค่ายเพลงแกรมมี่ได้เแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในชื่อ บริษัท แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จากนั้นได้ระดมทุนสาธารณะในรูปแบบการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่สาธารณชน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2538 หลังจากนั้นได้ดำเนินการทำธุรกิจดนตรี และสื่อควบคู่กันเรื่อยมา จนกระทั่งกลายเป็นบริษัทที่ครองตลาดเพลงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีรายได้จากธุรกิจดนตรีไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี

ในช่วงขวบปีนั้นแกรมมี่ออกผลงานอัลบั้มใหม่จำนวนไม่ต่ำกว่า 20 อัลบั้ม นำโดย ธงไชย แมคอินไตย์, แอม เสาวลักษณ์, นันทิดา แก้วบัวสาย, ใหม่ เจริญปุระ, มอส ปฏิภาณ, คริสติน่า อากีล่าร์ ฯลฯ

ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่แข่งขันแย่งชิงกันในตลาดเพลง อย่าง อาร์เอส ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด ตั้งแต่ปี 2535 ก็ปรับกลยุทธ์ในปีนี้ได้ไม่น้อยหน้าแกรมมี่ มีอัลบั้มใหม่จากนักร้องและคณะดนตรีในค่ายออกมาจำนวน 19 อัลบั้ม ซึ่งส่วนมากเป็นหน้าใหม่และประสบความสำเร็จเกือบทุกชุด ได้แก่ ลิฟท์กับออย, เสือ ธนพล, แร็พเตอร์, หนุ่ม ศรราม, นุก สุทธิดา, แหม่ม พัชริดา ฯลฯ

อัลบั้มเพลงในช่วงปี 2538

สำหรับค่ายเพลงที่เคยครองครองตลาดในยุคทศวรรษที่ 2520 กลับอ่อนโหยโรยแรงและอยู่ในระยะขาลงทางธุรกิจที่เริ่มถูกดิสรัปจากความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย นั่นคือ นิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งดำเนินกิจการในปี 2537 เหมือนกับแสงเทียนวูบสุดท้าว ออกอัลบั้มใหม่มามากที่สุดในบรรดาค่ายเพลงที่อยู่ในท้องตลาด มีผลงานสู่ตลาดเพลงไม่น้อยกว่า 40 ชุด แต่ก็เน้นในเชิงปริมาณ นำเพลงเก่าที่ถือลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของค่ายมาให้นักร้องในสังกัดร้องใหม่ในรูปแบบต่างๆ และมีงานเด่นแห่งปี คือดนตรีเต้นรำในแบบแด๊นซ์พ็อป ‘เมกกะแดนซ์’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น นิธิทัศน์ เอโอเอ เน้นการจัดจำหน่ายผลงานในอดีต

ส่วนค่ายเพลงขนาดกลาง คีตา เรคคอร์ดส ยังออกผลงานเพลงจำนวน 10 อัลบั้ม ประกอบด้วย อ๊อฟ พงษ์พัฒน์, ป้อม ออโต้บาห์น และเพื่อน, ยูโฟร์, ยุ้ย ปัทมวรรณ, ฝันดี-ฝันเด่น, บิลลี่ โอแกน, คณิต เขียวเซ็น, บอย พีรพล, เก่ง สิริพร และ แอนเดรีย สวอเรซ ซึ่งถือเป็นยุคสุดท้ายของที่นี่

ส่วนค่ายเพลงขนาดเล็ก มูเซอร์ เรคคอร์ดส ซึ่งก่อตั้งโดย ประภาส ชลศรานนท์ ที่ออกมาจากคีตา มาทำค่ายเพลงตัวเอง ก็ถูกกลุ่มวอร์เนอร์มิวสิค เข้ามาควบรวมกิจการ โดยรวม ดี-เดย์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และ มูเซอร์ เรคคอร์ดส เข้าด้วยกันและเปลี่ยนชื่อเป็น วอร์นเนอร์ มิวสิค ไทยแลนด์ ทำให้ชื่อ มูเซอร์ เรคคอร์ดส สิ้นสุดกิจการลงในปี 2537 นี้

ทั้งหมดคือภาพใหญ่ใจความหลักของการเคลื่อนไหวในห้วงเวลาสุดท้ายของค่ายเพลงที่มีอยู่เดิมของตลาดเพลงไทยปี 2537 ซึ่งในปีนี้ได้มีปรากฏการณ์ใหม่ของวงการเพลงไทยเกิดขึ้น และได้เปลี่ยนซีนหรือฉากทัศน์ รวมถึงภูมิทัศน์ของวงการเพลงไทยแบบล้มกระดาน ทำให้ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดต้องเปลี่ยนวิธีคิดและรื้อโครงสร้างทั้งหมดแบบเดิมของบริษัทไปสู่ยุคใหม่เช่นกัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก