เป็นนางงามน้องใหม่ที่มาแรงแซงโค้งที่สุดในการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ที่จู่ๆ ก็ขึ้นมาอยู่ในลิสต์ตัวเต็ง แถมกระแสก็ยังไม่แผ่วแม้การประกวดจะจบลงไปแล้วก็ตาม สำหรับสาวน้อยมหัศจรรย์ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” วัย 18 ปี ที่คว้าตำแหน่ง รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ไปครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ความกดดันในฐานะ “น้องใหม่” บนเวทีนางงาม
โอปอล เปิดใจว่า แรกๆ ความกดดันที่เกิดขึ้น จะเกิดมาจากตัวเธอเองมากกว่า “หลายๆ คนก็เป็นห่วงว่าจะมีความกดดันจากภายนอกอะไรไหม แต่ว่าไม่มีเลย แรกๆ เรากดดันตัวเอง แต่ว่าพอตอนหลังเราเริ่มจับทางได้แล้วว่า อ๋อ มันเป็นแบบนี้ เราต้องทำวิธีนี้นะ เราต้องพัฒนาตัวเองแบบนี้นะ ความกดดันมันค่อยๆ ลดหายไปค่ะ จะบอกว่าวันไฟนอลไม่มีความกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ต้องบอกก่อนว่าความจริงแล้วพวกความคาดหวังหรือความกดดัน โอปอลมองว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถเอามาทำในทางที่ดีได้ คือ ความคาดหวังของทุกคนจริงๆ มันก็คือแรงผลักดันให้โอปอลพัฒนาตัวเองมากขึ้น ให้เราพยายามที่จะเดินไปข้างหน้าให้อย่างดีที่สุด แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่งเราก็รู้สึกว่าถ้าเราจะเดินต่อไปด้วย ให้ความหวังหรือความกดดันของคนอื่นมันนำทาง เราไปถึงแต่เราไม่มีความสุข จนวันท้ายๆ ของการประกวดเราก็รู้สึกว่า โอเคต่อไปเราจะให้หัวใจตัวเองแล้วก็ให้ความหวังของตัวเองนำทางเราไป แล้วโอปอลเชื่อว่าความหวังของโอปอลและความหวังของคนอื่น มันก็คือความหวังเดียวกัน มันก็คือเราไปถึงแบบมีความสุข”
การมาประกวดนางงามครั้งแรกในชีวิตของโอปอล สร้างเรื่องทำให้ชาวโซเชียลแตกตื่นอย่างหนัก เมื่อจู่ๆ ถูก “ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม” หนึ่งในคณะกรรมการรอบออดิชั่น ออกปากชมทันทีที่ปรากฎตัวต่อหน้าคณะกรรมการ จนทำให้ชื่อของโอปอล ก้าวขึ้นมาติดท็อปสาวงามตัวเต็งทันที ซึ่งเธอเล่าถึงความรู้สึกไว้ว่า ดีใจมากๆ
“โอ้มายก็อด ใช่ไหม คือโอปอลเคยเจอพี่ลูกเกดมาครั้งสองครั้งตามงานต่างๆ แต่ว่าเราไม่ได้มีโอกาสแบบพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว ก็ต้องบอกเลยว่าดีใจมากๆ ยิ่งเหมือนตอนที่เราเข้าห้องดำมันค่อนข้างที่จะตื่นเต้น ตื่นเต้นที่ได้เจอคณะกรรมการทุกท่าน แล้วก็เลยไม่ได้มีเวลาคิดไตร่ตรองถึงสถานการณ์หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้น แต่พอมาย้อนดูทีหลังก็คือ ดีใจมากที่เราได้รับคำชมจากทั้งพี่ลูกเกดแล้วก็คณะกรรมการทุกท่านเลย ก็ดีใจค่ะที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวเต็ง ก็แสดงว่ามีคนเห็นศักยภาพของเรา มีคนเห็นความสามารถ มีคนชื่นชอบในตัวเรา”
“โอปอลคิดว่าทุกด้านมันสามารถพัฒนาได้อีก คนอาจจะคิดว่าเราเด่นเรื่องเพอฟอร์ม โอปอลก็คิดว่ามันไปได้อีก หรือว่าอย่างเรื่องการพูด เรื่องเอนเนอจี้ น้ำหนักเสียง การพูดเราอาจจะพัฒนาขึ้นมาบ้างขึ้นแล้ว แต่มันสามารถพัฒนาได้อีก ดังนั้นก็โอปอลคิดว่าตรงนี้มันก็เป็นโอกาส สายสะพายอันนี้ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้มาฝึกฝนแล้วก็ซึมซับกับทุกคน พี่ๆ แล้วก็พัฒนาตัวเองได้“
ต้องรับมือกับปัญหาที่ไม่คาดคิด
ในระหว่างการประกวด แม้โอปอลทำผลงานในรอบต่างๆ ไว้อย่างดีเยี่ยม แต่ทว่าปัญหาที่ไม่ทันคาดคิดก็เข้ามาทดสอบสาวน้อยคนนี้ เมื่อจู่ๆ ทีมพี่เลี้ยงขอถอนตัวกะทันหัน โอปอลยอมรับว่าสะดุดจนเคว้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือจากพี่ๆ ทีมใหม่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ทำให้เจ้าตัวค้นพบว่า ปัญหาที่เข้ามาระหว่างทาง คือบทพิสูจน์ที่ต้องเรียนรู้และไปต่อให้ได้
“เรื่องปัญหาโอปอลรู้สึกว่ามันมีเข้ามาทุกวัน มันอาจจะเข้ามาในรูปแบบของชาเลนจ์ในกิจกรรมของกอง หรืออาจจะเป็นปัญหาที่เป็นปัญหาจริงๆ ที่เราเลี่ยงไม่ได้ ถามว่ามันทำให้เราสะดุดไหม เราสะดุด เพราะว่าแทนที่เราจะได้มาโฟกัสกับการเพอฟอร์ม ตอบคำถาม หรือสิ่งที่เราต้องทำในการประกวด เราก็ต้องมานั่งแก้ไขปัญหาเนอะ แต่อีกอย่างหนึ่งคือโอปอลรู้สึกขอบคุณที่ปัญหาพวกนั้นเข้ามา เพราะจากที่เราเคยไม่ได้พิสูจน์ตัวเองตรงนี้ อันนี้มันก็เป็นบทพิสูจน์ว่า ฉันสามารถที่จะตัดสินใจแล้วก็แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง“
โอปอลรู้สึกขอบคุณจนถึงทุกวินาทีนี้ แม้ว่าการประกวดจะจบไปแล้วนะคะ พี่ๆ ทุกคนก็ยังน่ารักกับเรามากๆ โอปอลรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วก็การสนับสนุนจากพี่ๆ ทุกคนที่ทำให้โอปอลได้ใส่ชุดสวยๆ ได้แต่งหน้าสวยๆ แล้วก็ได้เดินบนเวทีอย่างสง่างามแล้วก็มั่นใจ รู้สึกขอบคุณมากๆ ค่ะ
โอปอล สุชาตา กล่าวขอบคุณถึงทุกคนที่ช่วยเหลือเธอ
ด้วยกำลังใจจากตัวเองและแฟนคลับที่ส่งถึงเจ้าตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอปอลมีกำลังใจมากขึ้น และเดินหน้าประกวดต่อไปด้วยใจที่มุ่งมั่นไปถึงมงกุฎ จนในที่สุดสามารถคว้ารองอันดับ 3 มาครองได้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของแฟนๆ อยากจะเห็นเจ้าตัวกลับมาเวทีนี้อีกครั้ง
“อย่างแรกก็ต้องบอกว่ามันเกินความคาดหมายมาก คือตัวเราเองมีความฝันที่อยากจะลงประกวดมิสยูนิเวิร์ส อยากจะเป็นมิสยูนิเวิร์สมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราก็ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้ คิดว่าน่าจะเรียนจบปริญญาตรี หรือว่าช่วงอายุสักประมาณ 20 ต้นๆ ไม่คิดว่าเราจะมาได้ไกลขนาดนี้ ในเวลาอันสั้นเท่านี้ ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง รู้สึกว่าอันนี้มันเหมือน New Beginning ค่ะ เป็นจุดเริ่มต้น ถึงแม้ว่าการประกวดจะจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่เราจะไปต่อในเส้นทางนี้ โอปอลรู้สึกว่ามันคือการเปิดประตูให้โอปอลหลายๆ ทางมากๆ เลย ที่เราจะสามารถเริ่มต้นแล้วก็ไปต่อได้“
“คิดว่าคงเห็นโอปอลกลับมาแน่นอนค่ะ เราต้องตั้งเป้าหมายไว้ที่มงกุฎเนอะ แต่พอได้ตรงนี้เราก็รู้สึกเป็นเกียรติและรู้สึกขอบคุณ เรามานั่งถามตัวเองเหมือนกันเมื่อเรายังรู้สึกว่ายังมีความฝันที่จะมีมงกุฎบนหัว ถึงแม้ว่าการประกวดจะจบไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะได้ตำแหน่งนี้มา แต่ความฝันนั้นมันก็ไม่ได้หายไปเลย เพราะฉะนั้นโอปอลคิดว่าวันหนึ่งเราจะต้องทำให้มันเป็นจริง”
“อยากขอบคุณแฟนๆ ทุกคนนะคะ ไม่ว่าจะเป็น “ด้อมแม่ยี่ใบ” หรือว่านอกด้อมด้วย ที่คอยสนับสนุนและซัพพอร์ตเรา ทุกกำลังใจ ทุกความรัก ความเอ็นดูแล้วก็ทุกคำแนะนำที่ส่งมาให้โอปอล มันมีคุณค่ากับโอปอลมากๆ โอปอลเห็นค่ามันแล้วมันคือสิ่งสำคัญที่ทำให้โอปอลมายืนตรงนี้ได้ แล้วมันก็จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โอปอลก้าวไปข้างหน้าได้ ในอนาคตโอปอลก็ยังจะคงพูดและยืนยันคำเดิมว่ามันมีค่ากับโอปอลมากๆ และที่สำคัญก็อยากให้ทุกคนอยู่กับโอปอลไปเรื่อยๆ แบบนี้ อยู่กันตั้งแต่วันแรก ไปจนถึงวันสุดท้ายเลยนะคะ”
แม้ก้าวแรกบนเส้นทางนางงาม จะยังไปไม่ถึงมงกุฎอย่างที่ต้องการ แต่ก็เป็นก้าวแรกที่สวยงาม และเชื่อว่าแฟนๆ จะยังคงรอคอยการกลับมาของสาวน้อยคนนี้อยู่เสมออย่างแน่นอน