“แค่ปล่อยให้ฉันฮีลใจของเธอได้ไหม ให้ฉันได้ทำเพื่อเธอได้ไหม
แค่อยากได้มองเห็นเธอเป็นสุขในใจ ไม่มีอะไรในความหวังดี
แค่ปล่อยให้ฉันดูแลใจเธอสักครั้ง ด้วยทั้งหัวใจของฉันที่มี
ให้เธอกลับมายิ้มได้ฉันก็ยินดี ได้ห่วงใยเธอยังงี้นานนาน แค่นั้นก็ดีใจ”
“คลื่น” บทเพลงฮีลใจที่มียอดวิวทะลุ 108 ล้านครั้ง (ข้อมูลวันที่ 6 มิถุนายน 2568) ขับร้องโดย แพร ชนา ชื่อจริง ชนาภรณ์ ทวีชาติ ศิลปินเพื่อชีวิตยุคใหม่ หนูน้อยที่เดินสายประกวดร้องเพลงตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่ไม่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ จนเลิกร้องเพลงไปเลย ก่อนที่ความพยายามจะผลักดันความฝันนำพา “แพร ชนา” มาถึงวันนี้
FEED สัมภาษณ์พิเศษ แพร ชนา ถึงเรื่องราวชีวิต ความพยายาม ความท้อแท้ และอนาคตของเธอ ซึ่งหญิงสาววัย 21 ปี ศิลปินจากค่าย Grammy Gold คนนี้เล่าเรื่องราววัยเด็กว่าตั้งแต่จำความได้พ่อกับแม่เปิดเพลงให้ฟังตลอด เพราะท่านทำงานเป็นนักจัดรายการวิทยุ เป็นดีเจคู่กันในรายการเพลงหมอลำชื่อเพลินใจไทยอีสาน ทำให้ตัวเองได้ติดตามไปอยู่ในห้องจัดรายการบ่อยๆ
แม่ชอบเปิดเลงของพี่ตั๊กแตน ชลดา ,แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนพ่อก็ชอบเปิดเพลงเพื่อชีวิต โดยเฉพาะพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เพลงที่ชอบมากๆ คือเพลงตลอดเวลา เพราะเป็นบทเพลงที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา บอกว่าเขาคอยอยู่ข้างๆ ถ้าเราเหนื่อยก็พักนะ มันให้กำลังใจเราได้ดีมากๆ
จุดเริ่มต้นการเป็นนักร้อง
แพร ชนา เล่าว่าแม้เธอจะซึบซับบทเพลงจำนวนมากจากพ่อแม่ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองร้องเพลงได้ จนกระทั่งช่วงเรียนอยู่ ป.3 ครูได้ชวนท่องบนอาขยาน และส่งไปประกวดศิลปหัตถกรรม ทำให้มีโอกาสได้ร้องเพลงลูกทุ่ง เพลงไทยเดิม และได้รับคำชมจากครูว่าเสียงเพราะนะ จากนั้นจึงไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่าไปประกวดมาพ่อกับแม่ก็ยังงงว่าเราร้องเพลงได้ด้วยเหรอ จึงร้องให้พ่อกับแม่ฟัง
จากนั้นพ่อกับแม่ก็ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับเธอ คอยสอนและคอยผลักดันพาไปเก็บประสบการณ์ผ่านการประกวดร้องเพลงที่เวทีต่างๆ ตั้งแต่เวทีเล็กๆ จนถึงเวทีที่มีเงินรางวัล แต่ก็คว้าได้เพียงแค่รางวัลชมเชย สูงสุดก็คือรางวัลที่ 2 แม้บางเวทีจะมีคนมาแข่งน้อยมากๆ ก็ยังไม่เคยได้รางวัลชนะเลิศเลย

“พ่อกับแม่ก็จะบอกตลอดว่าให้ขึ้นเวทีไป เพราะว่าเราอยากร้องเพลง เราไม่ได้มาแข่งนะ หรือบางทีคุณพ่อก็จะหลอกว่าวันนี้จะพาไปเล่นสวนน้ำ แต่พอไปถึงคุณพ่อก็จะให้ขึ้นเวทีไปร้องเพลงก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่มันท้าทายตั้งแต่เด็กๆ ก็เข้าใจเหตุผลที่คุณพ่อให้ทำแบบนั้น จะได้กล้าแสดงออกมากขึ้น และมันทำให้หนูปลดล็อกตัวเอง ในการที่จะเข้าไปประกวดรายการใหญ่ๆ อย่าง The Voice Kid Thailand”
แพร ชนา เข้าประกวด The Voice Kid Thailand ตั้งแต่ Season 2 แต่ไม่ผ่านเข้ารอบ ทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง และเสียใจมาก จึงตัดสินใจเลิกร้องเพลงไปเลย แต่เมื่อรายการออนแอร์และได้เห็นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ก็เข้าใจว่าคนอื่นๆ เขาเก่งกันมากทำให้ แพร ในวัย 9 ปี ฮึดสู้และคิดว่าจะต้องทำอย่างไรให้เราเก่งแบบเขาบ้าง จึงขอพ่อเรียนกีตาร์ วันรุ่งขึ้นพ่อก็พาไปซื้อกีตาร์ตัวแรกในราคา 900 บาท แล้วไปเรียนเลย ก่อนเข้าแข่งขันอีกครั้งใน The Voice Kid Thailand Season 3 ได้เข้ารอบ 6 คนสุดท้าย เหมือนเป็นใบเบิกทางให้ก้าวเข้าสู่วงการนักร้องเริ่มมีงานร้องเพลงตามที่ต่างๆ
“เรากดดันตัวเอง ว่าเราไม่เก่งพอ เราไม่ดีพอ แล้วเราก็เปรียบเทียบกับคนอื่น ซึ่งหนูคิดว่ามันไม่ดีเลย ถ้าเราตั้งใจแล้วก็มีเป้าหมายว่าเราอยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร หนูคิดว่าหนูก็เป็นได้ แล้วหนูก็ตั้งเป้าหมายตั้งแต่วันนั้นเลยว่าอยากจะฝึกทุกวัน แนวไหนที่ยังไม่เคยร้องก็อยากจะลองดู แล้วก็ตั้งใจทำมาตลอด มีโอกาสทุกโอกาสก็พยายามเข้าไป พยายามทำความรู้จักให้คุณพ่อพาไปร้องเพลงทุกที่เลย”
เส้นทางนักร้องยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยจนได้รับโอกาสเป็นเด็กฝึกที่ GMM Music และได้เริ่มทำเพลงกับพี่ๆ Mango Team ก็รู้สึกดีใจมากๆ เพราะคุณพ่อเปิดเพลงของพี่กบ ขจรเดช พรมรักษา มือกลอง วง บิ๊กแอส – producer และนักแต่งเพลง ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานชื่อดังมากมาย ทำให้เราได้เรียนรู้จากพี่ๆ สอนให้เราร้องเพลงอย่างเป็นธรรมชาติเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องดีไซน์เยอะเกินไป
เพลงแรกที่ปล่อยออกมาคือเพลงปีกหัก ซึ่งได้มีส่วนร่วมคิดทำนองด้วย ก็แอบคิดว่าพี่ๆ เขาจะเอาไปใช้ได้จริงๆ เหรอ แต่พี่กบบอกว่าชอบเพราะทำนองนี้มันอธิบายตัวตนของเราได้ดี เขาก็นำไปแต่งเนื้อเพลงต่อ และถามเราต่อว่าเราเล่นดนตรีอะไรได้อีกบ้าง เราก็ตอบว่าเล่นฮาร์โมนิก้าได้ พี่กบจึงไปซื้อคีย์ที่ตรงกับเพลงตอนนั้นเลย และมอบหน้าที่ให้เราคิดโซโล่ฮาร์โมนิการ์ในเพลงปีกหักด้วย
ก่อนจะได้ออกเพลงที่สองคือเพลงคลื่น ซึ่งเป็นฮีลใจของใครหลายคน ซึ่งแฟนเพลงก็ได้มาคอมเมนต์บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวว่าพอได้ฟังเพลงนี้ก็รู้สึกว่าได้กำลังใจ ทำให้เขาสู้ต่อไปได้ หรือแม้กระทั่งที่เวลาขึ้นไปร้องบนเวทีบางครั้งก็เจอแฟนเพลงร้องไห้ เธอก็ส่งต่อกำลังขอให้เขาสู้ต่อไป และขอบคุณที่เดินทางมาหากัน
วิธีฮีลใจ แพร ชนา
ส่วนชีวิตจริงของ แพร ชนา ในวันที่รู้สึกท้อแท้ เธอก็ใช้วิธีโทรศัพท์ไปหาพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองจะรู้ได้ทันทีว่าลูกอาจจะมีปัญหา หรือมีเรื่องทุกข์ใจ ก็จะส่งกำลังใจมาให้ว่าลูกเก่งแล้วนะ ไม่ต้องกดดันตัวเอง และไม่มีใครกดดันลูก เมื่อเจอหน้ากันพ่อกับแม่ก็จะทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้ให้กิน ขอเท่านี้ก็เติมพลังให้กับเธอแล้ว
อนาคตจากนี้เธอเล่าให้ FEED ฟังว่าอยากเดินทางไปร้องเพลงทั่วประเทศ และอยากโกอินเตอร์พาเพลงไทยของเราไปดังในระดับโลก พร้อมฝากแฟนๆ ติดตามผลงานทั้ง 2 ซิงเกิลที่ปล่อยออกมาแล้ว และจะมีเพลงใหม่ปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ โดยเธอรับรองได้ว่าจะทำให้แฟนเพลงยิ้มกว้างกว่าเดิมแน่นอน