เรื่องราวความรัก ความฝัน ที่นำพาพวกเขาต้องมาอยู่ในวงโคจรเดียวกันกับซีรีส์ “เธมโป้ (ThamePo) HEART THAT SKIPS A BEAT” แสดงนำโดย “วิลเลี่ยม จักรภัทร แก้วพันธุ์พงษ์” และ “เอส ศุภ สง่าวรวงศ์” ร่วมด้วย “เลโก้ รพีพงศ์ ศุภธินีกิตติ์เดชา, นัท ธนัท ด่านเจษฏา, ฮง พิเชฐพงศ์ จิรเดชสกุลวงศ์ และ ตุ้ย ชยธร ไตรรัตนประดิษฐ์”

FEED พาไปทำความรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น รวมถึงเรียนรู้ตัวละครในซีรีส์ ThamePo HEART THAT SKIPS A BEAT ผ่าน Exclusive Interview

เธมโป้ (ThamePo) HEART THAT SKIPS A BEAT
เธมโป้ (ThamePo) HEART THAT SKIPS A BEAT

ทุกคน: สวัสดีครับพวกเรานักแสดงจาก เธมโป้ (ThamePo) Heart That Skips a Beat ผมวิลเลี่ยมครับ รับบทเป็นเธมครับ ผมเอสครับ รับบทเป็นโป้ครับ ผมตุ้ยครับ รับบทเปปเปอร์ครับ ผมฮงครับ รับบทเป็นดีแลนครับ ผมนัทครับ รับบทเป็นจุนครับ สวัสดีครับเลโก้ครับ รับบทนาโนครับ

ชีวิตการทำงานเลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ?

นัท: เรียกว่าได้ทำอะไรเยอะมากๆ เลยครับผม แล้วก็นอกจากได้เป็นศิลปินแล้ว ก็ยังได้เป็นนักแสดงด้วย ก็รู้สึกว่าได้รับโอกาสอะไรมากมายเยอะมากเลยครับ 

เอส: ก็จริงๆ ปีที่แล้วเป็นปีที่โฟกัสเรื่องวงการบันเทิงเต็มตัวครั้งแรก เพราะว่าก่อนหน้านี้เราก็ทั้งแบบเรียน นักแสดง แล้วก็ว่ายน้ำแต่ว่าหลังๆ มาก็โฟกัสเรื่องการเป็นนักแสดงหลักๆ ครับ ก็รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะเลยครับผม

วิลเลี่ยม: ก็รู้สึกว่าพอเป็นนักแสดงแล้วก็เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ มันคืออีกศาสตร์นึงครับ แล้วก็ได้เรียนรู้อีกแบบนึงว่าการที่เราจะแสดงมันเป็นยังไงบ้าง หรือว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครบ้าง เยอะมากๆ เลยครับที่ได้เปลี่ยน

ฮง: ครับผมก็รู้สึกว่าได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่คิดจะได้ทำครับ เพราะว่าเหมือนถ้าใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาลัยธรรมดาก็คงไม่ได้มีโอกาสมาทำงาน หรือว่ามาสัมผัสโลกที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ เร็วขนาดนี้อะไรอย่างนี้ครับ ก็ตื่นเต้นมากๆ แล้วก็ดีใจมากๆ ครับที่ได้มาเผชิญอะไรแบบนี้

ตุ้ย: สนุกดีครับ เหมือนได้ทำโอกาสอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ อะไรอย่างนี้ แล้วปีนี้ก็มีโอกาสใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น แต่ก็ก็ยังรู้สึกว่ายังพร้อมรับเปิดโอกาสที่จะเข้ามาใหม่เรื่อยๆ อะไรอย่างนี้ ยังสนุกกับการทำอยู่

เลโก้: เลโก้ชอบมากเลยครับ รู้สึกว่าเป็นมากกว่าความเป็นจริงเราโผล่ในหน้าจอ หรือหน้าวงการอย่างนี้ครับคือประมาณเกือบๆ 2 ปี ละกัน แต่ความเป็นจริงแล้วก็เหมือนฝึกซ้อมเพื่อมาอยู่ตรงนี้มาก็หลากหลายปีแล้วครับผม ก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ ที่ความฝันที่เราฝันเป็นจริงสักที ได้มาอยู่ในวงการการแสดงอย่างนี้ครับผม ทั้งได้เป็นนักแสดง ทั้งได้เป็นศิลปิน นักร้อง นักเต้น คือเป็นสิ่งที่เลโก้ฝันมาโดยตลอดครับผม แล้วก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่โชคดีมากที่มันเกิดขึ้นกับเรา อนาคตข้างหน้าก็อยากเป็นอีกหลายๆ นักเลยครับผม

วิลเลี่ยม จักรภัทร
วิลเลี่ยม จักรภัทร
 เอส ศุภ
เอส ศุภ

คำว่าความสำเร็จ ตอนนี้คิดว่าสำเร็จแล้วหรือยัง ?

เลโก้: ผมว่ายังไกลความสำเร็จมากๆ เลยครับผม เพราะว่าจริงๆ สำหรับเลโก้คือเรียกว่าเริ่มต้นด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเริ่มจริงๆ หรือยังด้วยซ้ำ มันก็ยังมีความแบบว่ารอคอยอีกหลายๆ อย่างเพื่อพิสูจน์การเดินทางของเรากว่าจะไปถึงคำว่าจุดสำเร็จ เลโก้ขอใช้เวลาอกมากๆ เลยครับผม

นัท: ผมว่าจริงๆ ก็ยังไม่สำเร็จหรอกครับ เพราะว่าอย่างที่น้องบอกก็เหมือนจุดเริ่มต้นจริงๆ ครับ เพราะว่าเราเพิ่งเริ่มมาไม่กี่ปีเองครับแล้วก็รู้สึกว่ามันมีอะไรหลายๆ อย่างให้เราได้ลองอีกมากมายเลยครับ รู้สึกว่าการได้ทำอะไรหลายๆ อย่างมันก็ทำให้เราได้เติบโตขึ้นไปมากกว่านี้ครับ

ฮง: อย่างที่บอกครับคือเราเพิ่งเริ่มต้นเลยครับ เหมือนมันยังไม่อยู่ในวงการนาน ก็มีพี่ๆ หลายคนที่อยู่ในวงการมานานได้เจออะไรเยอะแยะมากมาย เราก็เพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้นที่มีอีกระยะเวลาอีกนานมาก ให้แบบว่าทำตัวให้เก่งขึ้นแล้วก็เอาตัวเองไปอยู่ในสื่อมากขึ้นครับ

ตุ้ย: ของผมก็น่าจะรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มครับ เพิ่งได้เริ่มทำอะไรหลายๆ อย่าง มันอาจจะได้ทำมากขึ้นแต่ว่าก็ยังรู้สึกว่ายังมีอีกหลายความท้าทายที่ยังไม่ได้ทำแล้วก็ยังอยากทำ

วิลเลี่ยม: ด้วยความที่มันมาเร็วนี่แหละ มันเลยน่ากลัวเพราะเรายังไม่รู้เลยว่ากว่าจะผ่านตรงนั้นมา จริงๆ มันเยอะมากเพราะว่าเราฝึกนู่นฝึกนี่ฝึกนั่นแล้วก็เช่น ผมได้เต้นแล้ว ผมได้ร้องแล้ว ผมได้แสดงแล้ว ซึ่งมันได้ทำเกือบทุกอย่างแล้วก็จริง แต่ว่ามันยังไม่ได้เก่งทุกอย่าง ก็เลยต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เรียกว่าเป็นขั้นบันไดขั้นแรกมากกว่าที่ยังไม่ได้ success ขนาดนั้น

เอส: ผมว่าในพาร์ทการเป็นนักแสดงก็เพิ่งเข้ามาเต็มตัว ก็รู้สึกว่ายังห่างไกลเหมือนกันครับ แต่ว่าถ้าเป็นในพาร์ทของนักกีฬาเราก็รู้สึกว่าเราก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเรามาในเส้นทางใหม่ๆ เราก็ต้องมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยครับ ก็เลยรู้สึกว่ายังห่างไกลกับคำว่าประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร เราเหมือนเราไปเริ่มใหม่อีกครั้งนึง หมายถึงว่าคือเราเดินเส้นทางนึงไปจนเกือบสุดทาง แล้วเรามาเริ่มเส้นทางใหม่ รู้สึกว่าเหมือนเรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้สึกว่าเราต้องเรียนรู้ เราต้องพัฒนาตัวเองอะไรอย่างนี้ รู้สึกว่าเหมือนมันก็เป็นอะไรที่ทำให้เรามี passion ในอีกเส้นทางนึงครับ ก็รู้สึกว่าก็ยังสนุกกับเส้นทางนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่ายังต้องไปอีกไกลเลยครับ

นัท ธนัท
นัท ธนัท
ตุ้ย ชยธร
ตุ้ย ชยธร

เธมโป้ (ThamePo) Heart That Skips a Beat ?

เอส: เป็นซีรีส์เกี่ยวกับไอดอลที่มีวงอยู่แล้วอะไรอย่างนี้ครับผม แต่ว่าพาร์ทของการดำเนินเรื่องก็จะดำเนินเรื่องผ่านตัวโป้ที่เป็นคน ในเรื่องเป็นคนที่ทำงานเบื้องหลังแล้วมีประสบการณ์ชีวิตอะไรเข้ามา ทำให้เราก็เป็นคนที่มี commeasure ในระดับนึง ประกอบกับว่าเราก็ได้เข้าไปทำงานเป็นเบื้องหลังในวง แล้วก็ทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์ในวง จริงๆ แล้วมันเป็นอะไรยังไง ทำให้เราก็ใกล้ชิดกับเธม ซึ่งในเรื่องก็หัวหน้าวง มันก็มี conflict เกี่ยวกับในวงที่ทำให้รู้สึกว่าเราก็ทำให้อยู่ดีๆ มันก็ดึงเราเข้าไปมีบทบาทในตัววง แล้วก็ทำให้เรามีความสัมพันธ์กับทั้งวงอะไรอย่างนี้ครับผม

วิลเลี่ยม: สำหรับผมเธมเป็นคนที่ค่อนข้างแตกต่างจากวิลเลี่ยมเพราะว่าเขาเป็นคนที่นิ่ง ดูเป็นผู้ใหญ่ เวลาอยู่กับเพื่อนหรือว่าอยู่กับพี่โป้ ก็รู้สึกว่าการใช้ชีวิตเปลี่ยนไม่เหมือนกันเลย เพราะว่าเธมจะมีความอ่อนโยนครับ อ่อนโยนความนิ่ง ความเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าถ้าวิลเลี่ยมถ้าทุกคนเห็นจะมีความ energetic ความเด็กๆ นิดนึง ชอบเล่น ชอบนู่นชอบแกล้งอะไรอย่างนี้ พอเป็นเธมมันมีความเป็นผู้ใหญ่ คิดเป็นผู้ใหญ่แล้วก็แก้ปัญหาได้ทันท่วงทีใช่ครับ ก็ซึ่งตอนเวิร์คช็อปเราหาคาแรคเตอร์นี้ยากเหมือนกัน เพราะว่าค่อนข้างจะไกลตัวซึ่งมันมีบางอย่างที่มันรีเลทกันบางอย่าง เช่น ความซึน ความไม่รู้อะไรอย่างนี้ แต่ว่าเราเอาบางอย่างที่มันรีเลทเอามาเข้าเป็น fit in เป็นเธมได้ แต่ว่าแค่มีอีกหลายๆ อย่างที่เรายังไม่รู้ว่าคนนี้ คือเธมหรือเปล่าเหมือนเราใช้เวลาหาเยอะมากในช่วงแรกในการเวิร์คช็อป

ตุ้ย: เหมือนเรื่องนี้ก็ได้รับบทเป็นเปปเปอร์ ก็รู้สึกว่ามันยากด้วยครับเพราะว่าเหมือนเปปเปอร์กับผมก็ค่อนข้างต่างกันพอสมควร ผมตัวจริงก็จะค่อนข้างเหมือนดูแอคทีฟ ดูสนุกๆ อะไรอย่างนี้ แต่ว่าเปปเปอร์จะดูเรียบร้อยกว่า มันก็ต้องเหมือนแบบต้องเป็นตัวละคร ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นซีรีส์ด้วยครับ ก็เหมือนต้องมีการบ้านกลับไปทำมากขึ้น ค่อนข้างเข้าใจมากขึ้นว่าการเป็นนักแสดงมันต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ท้าทายแล้วก็สนุกมากในการค่อยๆ หาว่ากว่าเราจะเป็นเปปเปอร์มาเป็นยังไง ก็ดีที่มีพี่ๆ ผู้กำกับ พี่ๆ ทุกคนแบบว่าพี่ๆ นักแสดงทุกคนช่วยด้วย ต้องกดตัวเองลงมาเพราะรู้สึกว่า คืออย่างผมจะเป็นคนแบบเอนเนอร์จี้ๆ หน่อย แต่ว่าเปปเปอร์คือแม้กระทั่งโทนเสียง หรือวิธีการคิดอะไรมันต้องเปลี่ยนไปหมดเลย เพื่อที่ว่าแบบเราจะได้กลายเป็นเปปเปอร์จริงๆ อะไรอย่างนี้ เราก็ต้องทำการบ้านเยอะมากขึ้น

ฮง: ดีแลนครับดีแลน เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่าดีแลนเป็นคนที่อย่างที่ทุกคนน่าจะได้เห็นแล้ว ดีแลนจริงๆ เป็นคนที่อ่อนไหวแต่ว่าทำกร่างไปงั้นแหละครับ เพราะว่าจริงๆ มีสิ่งที่อยากจะปกป้องจากข้างในตัวเองอยู่ ก็สนุกมากเลยครับอย่างที่ตุ้ยบอกมีพี่ๆ ช่วยเหลือเยอะมากๆ ครับ เพราะว่าพวกเราแสดงครั้งแรกด้วย ก็เลยคิดว่าบางทีอาจจะเกร็ง หรืออาจจะกลัวหรือว่าอาจจะแบบว่าไม่มั่นใจต่อหน้ากล้องอะไรอย่างนี้ ก็ได้พี่ๆ ผู้กำกับ พี่ๆ Acting coach พี่ Acting coach พี่ๆ ทีมงานทั้งหมดคอยเชียร์อัพ คอยช่วยหรือว่าคอยชี้แนะตลอดเลย ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับเด็กใหม่ มันก็เสริมสร้างความมั่นใจให้กับเราด้วย เพราะว่าเราก็เป็นเด็กใหม่ทำให้เราสามารถ deliver คาแรคเตอร์ออกมาได้ดีขึ้นครับ เอาจริงๆ ผมรู้สึกว่ามันก็มีความคล้ายกัน เพราะว่าผมจริงๆ เป็นคนอ่อนไหวน้อยๆ แต่ผมก็ทำมึนเพื่อกลบเกลื่อน มันก็มันมีความคล้ายกัน ซึ่งจริงๆ ผมคิดว่ามันก็เป็นกับหลายคนเหมือนกัน พอกลับไปบ้านอาจจะอ่อนไหว เศร้า ปัญหาชีวิตรุมเร้า แต่ว่าพอออกไปข้างนอกต้องใส่หน้ากากเพื่อที่แบบว่า หล่อ หรือว่าสวย หรือว่าเราอยากให้คนเห็นเราเป็นแบบไหนอะไรอย่างนี้ครับ มันก็มีความคล้ายคลึงอยู่ครับ แต่ยากอยู่ครับเพราะว่าดีแลนเป็นคนที่ซื่อตรงแต่แบบว่ากร่าง ซึ่งผมก็ซื่อตรงนะแต่ผมก็ไม่ได้แบบ ผมจะอ้อมหน่อยเวลาผมพูดผมจะอ้อมหน่อย แต่ว่าดีแลนจะพูดตรงประเด็นแล้วก็พูดจี้อะไรอย่างนี้ครับ

 ฮง พิเชฐพงศ์
ฮง พิเชฐพงศ์
เลโก้ รพีพงศ์
เลโก้ รพีพงศ์

นัท: ของผมก็รับบทเป็นจุนนะครับ ก็รู้สึกว่ามันก็แตกต่างแตกต่างมากเลยเหมือนกัน เพราะว่าจุนจะเป็นคนที่คิดไวทำไวครับ แล้วก็คิดละเอียดมากๆ แต่ว่ามันก็จะมีความเหมือนอยู่ตรงที่ผมก็เป็นคนที่คิดเยอะเหมือนกัน คิดละเอียดชอบวางแผน แพลนวันนี้จะทำอะไรบ้างอะไรอย่างนี้ แต่ว่าจุนก็จะทำอะไรก็จะคิดละเอียดเหมือนกัน แพลนล่วงหน้าตลอด แล้วก็คิดว่าแพลนแบบนี้เราจะได้ประโยชน์อะไร หวังผลให้ตัวเองได้สิ่งที่เราต้องการ แล้วก็จะมีความกวนประสาท ซึ่งอันนี้ผมว่าก็ตอนแรกก็ไม่คิดว่าตัวเองกวนหรอกครับ แต่พอไปนั่งนึกดูแล้วก็รู้สึกว่ามันก็เป็นสิ่งที่คล้ายๆ ตัวผมเหมือนกัน ผมก็เป็นคนที่กวนคนเหมือนกันครับ ถ้าเกิดได้สนิทก็รู้สึกว่าเอาตรงนั้นมาได้ใช้กับจุนเหมือนกัน

เลโก้: นาโนก็เป็นตัวละครที่สดใสมากเลยครับ สดใสต่างจากเลโก้ไหมไม่มาก แต่ว่าสิ่งที่เลโก้ต้องเตรียมตัวสำหรับการเป็นนาโนเลย คือจะตรงข้ามกับเวลาพี่ตุ้ยเตรียมตัวเป็นเปปเปอร์เลยครับ พี่ตุ้ยจะต้องกดตัวเองลงมาใช่ไหมครับ แต่ของเลโก้คือต้องปล่อยต้องปล่อยตัวเอง ต้องให้ตัวละครนาโนมันจะมีความลอยๆ เด้งๆ อยู่ตลอดเวลาครับ อารมณ์เหมือนคนที่ลอยอยู่ในปัญหา แต่ว่าปัญหาเลยคือนาโนเขาไม่ได้มารับรู้ถึงปัญหาในวง หรือว่าปัญหาภายนอกเยอะอย่างนี้มากกว่าครับผม สิ่งที่เลโก้รู้สึกว่าต้องมาเป็นนาโนเลยคือเลโก้ต้องปล่อยหัวให้โล่งสุดๆ เลยครับ เพราะว่านาโนเขาจะมีเรื่องโฟกัสคนละแบบกับที่เลโก้โฟกัสอย่างนี้มากกว่า ก็จะมีวิธีการตัดสินใจชุดความคิดที่ไม่เหมือนกับเลโก้เท่าไหร่อย่างนี้ครับผม ซึ่งความยากเลยผมว่าน่าจะเป็นการ deliver ตัวละครนี้ออกไปให้มีความคล้าย ภายนอกจะต้องคล้ายเลโก้ แต่ว่ามามองลึกๆ มองแววตา มองความรู้สึก หรือแม้กระทั่งแบบว่าบุคลิกท่าทางจะต้องไม่เหมือนเลโก้ครับ ซันซ้อนโน้ะ

ภาพของศิลปิน สวิชต์มาเป็นนักแสดงเป็นไงบ้าง ?

เลโก้: ผมว่ามันก็คือการเป็นนักแสดงที่แสดงภาพของ T-POP อยู่ อันนี้คือโจทย์แรกที่เป็นประสบการณ์แรกของ LYKN ละกันครับ ก็ยากไหมยาก สำหรับเลโก้คือยาก มันเหมือนต้องไปเรียนรู้ชีวิตคนอื่นครับ การเป็นศิลปินที่พวกเราทำมาโดยตลอดปีกว่าๆ มันเหมือนแค่ represent ความเป็นตัวเองออกไป แต่ทุกวันนี้คือเหมือนต้อง ทุกวันนี้ในซีรีส์คืออาจจะต้อง represent ชีวิตของคนอื่นมากกว่าครับผม มันมีความต่างเล็กๆ น้อยๆ อยู่ พี่ๆ ล่ะคิดว่าไงครับ

นัท: ผมก็ว่ารู้สึกว่ายากเหมือนกันครับ การเป็นนักแสดงมันเหมือนเราต้องสร้างใครก็ไม่รู้มาในหัวเราครับ แล้วผมว่าใครที่เป็นคนคิดเยอะอย่างผม จะคิดเยอะมากๆ เวลาแสดง แล้วตอนเรียนแอคติ้งก็คิดอยู่ในหัวตลอดว่าเราไม่ได้เป็นแบบนี้ มันจะตีกันในหัว เราไม่ใช่แบบนี้นะ คือเวลาแสดงก็คือต้องปล่อยใจประมาณนึงเลย ถึงจะ deliver บทออกไปได้ดีก็รู้สึกว่ายากนะครับ

วิลเลี่ยม: ช่วงแรกๆ เหมือนตอนแรกเราจะใช้ตัวเองเช่นวิลเลี่ยมความคิดเธม ซึ่งแบบแรกๆ มันยากมากเพราะว่าเราจะตีกันในหัวเหมือนที่พี่นัทบอกว่า เห้ยนี่วิลเลี่ยมคิดอย่างนี้ ไม่ใช่เธมอะไรอย่างนี้ คือมันตีกันเยอะมากซึ่งแบบว่าเราต้องใช้ความชินในการเข้าซีนเรื่อยๆ ในการเวิร์คช็อปเรื่อยๆ เพราะว่าทุกๆ ครั้งที่มีซีนยาก มันก็พอได้เวิร์คช็อปมากขึ้น มันก็ได้มีความเป็นเธมมากขึ้นด้วยใช่ครับ เพราะว่าทางผู้กำกับพี่มุ้ยบอกว่าเราใช้ร่างกายของวิลเลี่ยม แต่ว่าจริงๆ เราคือความคิดทุกอย่างเป็นเธม ก็คือ deliver ออกไป

วิลเลี่ยม - เอส
วิลเลี่ยม – เอส

แล้วการเอาตัวละครออกยากไหม ?

วิลเลี่ยม: รู้สึกว่าตอนเอาเข้ายากกว่า เพราะว่าเหมือนผมจะ drive ในการเข้าเธมคือฟังเพลงครับ คือผมกับพี่มุ้ยผู้กำกับจะสร้างเพลย์ลิสต์ของเธมขึ้นมาว่า เธมเวลาอยู่ในห้องจะชอบฟังเพลงอะไร อยู่ในห้องตัวเองชอบทำอะไรบ้าง หรือว่าอยู่ในห้องมุมไหนของที่แบบเป็นเซฟโซนของเธม แต่ว่าพอเอาออกก็รู้สึกว่าเราแค่กลับมาเป็นตัวเอง เพราะการเป็นตัวเองสบายที่สุดพอเป็นตัวเอง โอเคนี่เราเอาออกละแต่ว่าแค่มีบางทีคิดว่าใช้ชีวิตปกติแบบวิลเลี่ยมใช้ แล้วก็รู้สึกว่านี่เหมือนเธมเลยนะ ก็มีความโจ๊กๆ ขึ้นมา

ฮง: คือผมคิดว่าปัญหาตัวละครมันไม่ได้แบบว่ายากขนาดนั้น เพราะว่าเรายังไม่ได้รับบทที่มันต้องลึกซึ้งขนาดนั้น มันยังเป็นคนที่วิลเลจได้อยู่เพราะว่ามันก็เป็นคน T-POP หรือว่าคนในวงการบันเทิงอะไรอย่างนี้ ซึ่งปัญหาของผมมันจะเป็นการพูดมากกว่าครับ อย่างที่คำถามก่อนหน้านี้อะไรพวกนี้ก็น่าจะเห็นอยู่ครับผม แตว่าก็ดีขึ้นทุกวันครับเพราะว่าเหมือนช่วงแรกๆ ช่วงแรกๆ จะพูดเร็วกว่านี้ พูดไม่ชัดกว่านี้ครับ ก็ได้เวิร์คกับพี่ๆ แอคติ้งโค้ชครับ แล้วก็พี่ไดเรคเตอร์ก็จะช่วยแบบว่าหาทริค หาพื้นฐานวิธีการพูดภาษาไทย หรือการใช้พูดพวกแม่กก แม่อะไรอย่างนี้ครับ ให้กัดคำมากขึ้น ก็จะเป็นเวิร์คตรงนั้นมากกว่า

ตุ้ย: จริงๆ ของผมตัวเปปเปอร์จริงๆ อย่างผมผมว่าผมก็เป็นคนไม่ไม่ได้พูดติดขัดเท่าไหร่ แต่ว่ามันต่างกับตอนเล่นซีรีส์เพราะว่าอย่างเวลาผม ผมว่าที่ผมพูดไม่ติดขัดเพราะว่าผมเป็นคนพูดแล้วไม่ค่อยคิดก่อน มันจะค่อนข้างพ่นออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าพออยู่ในซีรีส์ พอเป็นเปปเปอร์ครับ มันจะมีบทที่สติ๊กมาแล้วประมาณนึง แล้วเวลาถ้าต้องพูดด้วยความที่เป็นเปปเปอร์ก็ต้องพูดช้าลง เสียงโทนต่ำลงอะไรอย่างนี้ มันจะดูแปลกๆ จังหวะพูดมันจะดูแปลกๆ มันจะเป็นการท่องบทมากกว่าพูดปกติด้วย แรกๆ ก็จะฝืนๆ เพราะว่าเหมือนเราต้องพูดในสิ่งที่ตุ้ยอาจจะไม่ได้พูดในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำอะไรอย่างนี้ แต่ว่าเราต้องดูพูดเหมือนว่าเราพูดปกติอะไรอย่างนี้ ผมว่าอันนี้น่าจะยากครับผม เวลาเพอร์ฟอร์มผมเวลาอยู่บนนั้นผมก็ไม่ได้คิดว่าเป็นตุ้ยเพอร์ฟอร์ม ก็คิดว่าต้องเป็นเปปเปอร์อะไรอย่างนี้ ด้วยความที่บทมันก็เราก็เป็นเปปเปอร์อยู่ ไม่ว่าจะก่อนเข้าซีน หรือหลังเข้าซีน หรือว่าในบนเวทีมันก็คือยังต้องเป็น Mars ก็ต้องเป็นเปปเปอร์อยู่บนนั้น เพราะว่ามันก็มีความยากคนละแบบ

 เอส ศุภ
เอส ศุภ

ตัวละครตัวนี้สำหรับเอสยากไหม ?

เอส: จริงๆ มันมีทั้งส่วนที่เหมือนแล้วก็ส่วนที่ต่าง แต่ว่าความยากเลยคือเป็นบทหลักเรื่องแรกด้วย แล้วรู้สึกว่าคือเราไม่เคยทำการบ้านในการแสดงเยอะขนาดนี้ แล้วรู้สึกว่าพอต้องมาทำจริงๆ มันลึกซึ้งกว่าที่เราเคยรู้มากๆ เลยครับ เรารู้สึกว่าเราต้องจำบทให้ได้ เราต้องจำทุกอย่างให้ได้หมดเลย เราต้องรู้ว่าเราต้องเอาอะไรเข้าซีน แล้วหลังจากในซีนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรารู้สึกว่าเราต้องคือเราต้องเป็นอีกคนนึงจริงๆ อะไรอย่างนี้ครับ แล้วระหว่างทางคือด้วย process ที่มันค่อนข้างยาว เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริงๆ แล้วเราเอามาใช้ในชีวิตจริงด้วยซ้ำ หมายถึงว่าเราเราเรียนรู้ว่าได้อะไรมาจากตัวละคร สิ่งที่ดีเราหยิบมาใช้ สิ่งที่ไม่ดีที่ตัวละครทำแล้วเราเรียนรู้อะไรจากตัวละคร มันมีช่วงนึงที่ทำให้ผมรู้สึกว่า หรือว่าตอนนี้เป็นคาแรคเตอร์อยู่ ทำไม คือคนรอบข้างเรารู้สึกว่าทำไมเอสเปลี่ยนไป ทำไมมึงเป็นแบบนี้ รู้สึกว่าไม่รู้เหมือนกันหมายถึงว่า คือบางที่เราพอในชีวิตจริงเรารู้สึกว่าทำไมเรา sensitive มากกว่าปกติ ทำไมเรารู้สึกอ่อนแอหรือว่าเราเป็นตัวละครอยู่ เคยคุยกับพี่มุ้ยเหมือนกันเรื่องอะไรแบบนี้ครับ รู้สึกว่าปกติคือเราอาจจะด้วยช่วงเวลาที่มันนาน ทำให้ชุดความคิดหรือว่าการเติบโต ก็ตามช่วงเวลาแต่ว่ารู้สึกว่าครั้งนี้มันก็เป็นบทหลักสำคัญที่ให้อะไรกับเราเยอะมากๆ จริงๆ เหมือนกันครับ

กระแสที่ได้รับคุ้มค่ากับการทุ่มเทของทุกคนไหม ?

วิลเลี่ยม: ก็คุ้มค่าครับเพราะว่าคือตอนถ่ายพูดจริงๆ มันเหนื่อย มันเหนื่อย เพราะเราต้องเอาเวลาทั้งวันตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงค่ำไปเลย เหมือนเราได้ใช้เวลากับกองถ่ายตลอดเวลา แล้วเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาด้วย ซึ่งบางคิวผมกับพี่เอสคือด้นตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืนเลย ซึ่งมันเหนื่อยมากแต่พอเราเห็นผลงานออกมา รู้สึกว่าเรารู้สึกเราชื่นใจ ผมไม่เคยมีซีรีส์แล้วก็ไม่เคยดูตัวเองเล่น พอได้ดูแล้วก็รู้สึกว่าผมภูมิใจเหมือนกันที่ตัวเองทำมาได้ขนาดนี้ เพราะว่าผมแอบ concern นิดนึงตอนเล่น เพราะจะมีบางซีนที่เราเล่นกันหลายเทคนิดนึง ด้วยคิวด้วยหรือว่าด้วยผมเองที่ยังไม่ได้ fit in ขนาดนั้น แต่ว่าพอได้ลองดูที่ตัวเองเล่นแล้วรู้สึกว่าโอเค มันไม่ได้แย่เหมือนที่เราคิด

เธมโป้ (ThamePo) HEART THAT SKIPS A BEAT
เธมโป้ (ThamePo) HEART THAT SKIPS A BEAT

ซีรีส์ต้องการสื่อสารอะไรกับคนดู ?

เอส: ผมขอตอบในมุมของโป้ละกัน เพราะว่าในมุมของทั้งเรื่องอาจจะรู้เข้าใจได้ไม่หมด เพราะว่าในมุมของตัวละครโป้ ผมรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นปมในเรื่องของความสำเร็จ ในความสำเร็จการช่วยคนอื่น แล้วก็คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ จนรู้สึกว่าในพาร์ทในของอดีตในพาร์ทของแฟนเก่าของเอิร์นอ่ะครับ ก็ทำให้โป้ได้เรียนรู้กับอะไรบางอย่างที่ว่าช่วยคนอื่นจนตัวเองพัง แล้วมันเป็นปมอะไรหมายถึงว่าจับชีวิตที่กำลังจะดีๆ ประสบความสำเร็จ ช่วยคนอื่นจนตัวเองพัง แล้วพอมาเจอเธมรู้สึกว่าเธมเหมือนแฟนเก่า แต่ว่าจริงๆ แล้วเธมไม่เหมือนแฟนเก่า แล้วได้เรียนรู้อะไรจากเธม หมายถึงว่าจริงๆ แล้วคนที่เป็นคนดี แต่ต้องมาทำอะไรเพื่อคนอื่น ทำๆ ไม แล้วก็ทำแล้วได้อะไร แล้วทำไมเราถึงอยากช่วยเขา รู้สึกว่าคนดูน่าจะได้เรียนรู้เรื่องอะไรแบบนี้จากโป้เยอะมาก แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะได้ปรับใช้ในชีวิตจริงด้วย เพราะว่าตัวละครโป้มีความเป็นมนุษย์สูงมาก แล้วก็รู้สึกว่าถ้าดูจนจบอ่ะครับ ก็น่าจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเป้าหมายในการใช้ชีวิตของคนเรามันไม่ได้มีอะไรที่มันยุ่งยากเลยอ่ะ มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากๆ แล้วคนเรามันก็ไม่ผิดเลยที่เราจะ lost ที่เราจะหลงทางอะไรไปบ้าง เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือการใช้ชีวิต เราอนุญาตให้ตัวเองได้ตกต่ำบ้าง ได้เป็นคนที่ไม่เก่งบ้าง ได้เป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง แต่สุดท้ายแล้วคือชีวิตก็ให้อะไรกับเราเยอะมากๆ แล้วเราก็จะเป็นคนที่ดีขึ้น ประสบความสำเร็จขึ้นในทุกๆ วัน หรือสุดท้ายแล้วต่อให้มันอะไรไม่ดียังไง ตอนจบมันอาจจะสวยงามหรือไม่สวยงาม คนดูน่าจะได้เรียนรู้อะไรจากโป้เยอะครับ

เลโก้: ก็หวังว่าคนดีจะเป็นคดีเพิ่มขึ้นครับ คนดีในรูปแบบที่ตัวเองพอใจละกันครับผม ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องว่าดีกว่าใครเลยครับ แค่ให้ตัวเองเป็น best version ของตัวเองก็พอครับ

ฝากซีรีส์เรื่องนี้กันหน่อย ?

เอส: ก็อยากให้ทุกคนติดตามกันนะครับผม เพราะว่าหลังจากนี้จะเข้มข้นมากๆ แล้วก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน ก็เป็นซีรีส์อีกเรื่องนึงที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตาคอยมาตลอดนะครับ แล้วก็ตั้งใจทำมากๆ จริงๆ ครับผม ก็อยากให้ทุกคนติดตามกันนะครับ ขอบคุณครับ

ดูคลิปสัมภาษณ์: https://youtu.be/RMe3ZxrieVc?si=WzQ-bch5Qy5tE5Y4

สั่งชาเขียวหวานน้อย ทำไมได้น้ำเปล่ากลับมา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก