FEED พาไปทำความรู้จักสองสาวที่กำลังมาแรงในเวลานี้ “หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” สองนักแสดงที่มีชื่อเสียงจากซีรีส์แซฟฟิกเรื่อง ใจซ่อนรัก (The Secret of us Series) สร้างปรากฏการณ์ช่องแตกเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์

หลิง-ออม
หลิง-ออม

หลิง-ออม: สวัสดีค่ะ หลิงหลิง ค่ะ ออม กรณ์นภัส ค่ะ จากซีรีส์เรื่องใจซ่อนรักค่ะ

ชีวิตของ “หลิง-ออม” ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ?

หลิงหลิง: สำหรับหลิงไม่เลยค่ะ ก็ยังเหมือนเดิม หนูไม่ได้รู้สึกว่า คือเท่าที่ผ่านมาก็คือสัมภาษณ์ใช่ไหมคะ เขาก็บอกว่า ชีวิตช่วงนี้แบบดังข้ามคืน แต่หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่าขนาดนั้น ก็คือแน่นอนว่าจำนวนแฟนคลับมันเพิ่มขึ้นค่ะ แต่ว่าก็ยังชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ ก็ยังดีใจที่แฟนๆ มาหาเรา หนูไม่ได้รู้สึกว่าคือเท่าที่ผ่านมาก็คือสัมภาษณ์ใช่ไหมคะ เขาก็บอกว่าชีวิตช่วงนี้แบบดังข้ามคืน แต่หนูก็ไม่ได้รู้สึกว่าขนาดนั้น ก็คือแน่นอนว่าจำนวนแฟนคลับมันเพิ่มขึ้นค่ะ แต่ว่าก็ยังชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ ก็ยังแบบดีใจที่แฟนๆ มาหาเรา

ออม: อาจจะมีคนแบบรู้จักเรามากขึ้น มีคนมาทักเรามากขึ้น อาจจะยังไม่ชิน คือทุกอย่างทำเหมือนเดิมหมดเลยค่ะ แต่แค่เวลาเดินห้างเวลาเดินสถานที่ที่วัยรุ่นเยอะๆ เขาก็จะเดินเข้ามา พี่ออมคะ เราก็จะสวัสดีค่ะ ถ่ายรูปได้ค่ะ ตกใจแรงนิดนึง เพราะว่าเวลาเอาออกไปนอกบ้าน ราก็ไม่ค่อยแต่งตัวแต่งหน้า (หัวเราะ) สภาพเราก็จะมอมแมมนิดนึงค่ะ ก็จะตื่นเต้นตรงนั้น ก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่เหลือก็ทำเหมือนเดิม

กว่าจะมาเป็น “หลิง-ออม” ในวันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ?

ออม: หนูเล่นละครมาเยอะมาก คือเหมือนเราไม่ค่อยเกี่ยงงานเท่าไหร่เพราะเราเชื่อว่างานละครที่ช่องส่งมาให้เรา มันแบบมันดี ซึ่งก็จริงเพราะหนูมีบทที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากที่แบบช่องให้มาก็มาตาลดาอย่างนี้ค่ะ แล้วก็รับงานละครมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้มันได้มีโอกาสที่แบบเราได้เล่นซีรีส์ sapphic ซึ่งมันก็กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เลย มันเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของเราเลยนะ ก็ดีใจค่ะ

หลิงหลิง: หนูชอบมาตาลดามากเลยอ่ะ

ออม: มาตาลาอ่อ

หลิงหลิง: ใช่ หนูชอบดูมาก

ออม: ตอนแรกที่เล่นรีรี่ตลกมาก ตอนแรกเล่นรีรี่คือรีรี่เขาจะมีบุคลิกนิสัยที่จะดูแบบห้าวๆ นิดนึงใช่ไหมคะ หนูก็คิดว่าเล่นเรื่องนี้หนูต้องได้เป็นแบบพี่หมอฟ้าลดาแน่เลย ปรากฎว่าแคสเป็นน้องเอิน

หลิงหลิง: ขอโทษน๊า พี่เป็นพี่หมอแล้ว

ออม: ใช่แล้วปรากฏว่าพอหนูได้เห็นพี่หมอเล่นเป็นพี่หมอแล้วแบบมาลองแคสเอินก็ปรากฏว่า เออมันเข้ากับเอินจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองทำเป็นเอินได้ดีอะไรอย่างนี้ค่ะ

หลิงหลิง: ส่วนหลิงก็ โห หลิงอ่ะ ชีวิตนี้ไม่คิดจะย้ายมาอยู่เมืองไทยด้วยซ้ำ แล้วมาอยู่จุดนี้ได้ยังไงหลิงก็ไม่รู้ แต่มันเหมือนโอกาสมันพาเรามา พาเรามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ฮ่องกง มาอยู่ไทยพูดไทยไม่ได้เลย แล้วก็สอบก็ไม่ได้ ติด ร. ทุกวิชา จนสอบเข้ามหาลัยได้ที่ที่ไทยน่ะค่ะ ที่ขอนแก่น แล้วก็มีโอกาสให้เราประกวดนางงาม ยังไงก็ไม่รู้แบบให้ทุน ให้หลิงประกวดนางงาม เออ แล้วพอประกวดนางงามก็มีกระแสได้เข้ามาเป็นนักแสดง ซึ่งจริงๆ ช่วงนั่นอ่ะมีมีหลายคนติดต่อมา แล้วสุดท้ายลงเอยที่ช่อง 3 เพราะว่าจริงๆ ต้องบอกว่าตอนนั้นอ่ะ ใครที่กล้าเซ็นหลิงอ่ะ มันเสี่ยงมากนะ ภาษาก็ไม่ได้ การแสดงก็ไม่ต้องพูดถึงเลย มันไม่ได้สักอย่างอ่ะ ก็เลยแบบ โหกว่าจะมาถึงจุดนี้หลิงก็ถ่ายละครมาหลายเรื่องเหมือนกันค่ะ ซึ่งก็จะมีผลงานที่ผ่านตาคุณผู้ชมบ้างอย่างแบบ มักกะลีที่รัก, หมอหลวง อะไรอย่างนี้ค่ะ บางคนก็ติดตามตั้งแต่หลิงเป็นนางงามไก่ย่างเลย แต่บทบาทของคุณหมอฟ้า ลดา เป็นอีกบทนึงที่ทำให้คนรู้จักหลิงมากขึ้น เป็นหลิงที่แบบจากที่ตอนประกวดว่าหลิงเหมือนอภัสรา มีความคล้าย แอฟ ทักษอร จากจนถึงตรงนี้อ่ะ เขาจำหลิงได้แล้วอ่ะว่า นี่หลิงรึเปล่า เป็นตัวของตัวเองแล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่เราดีใจมาก

หลิง-ออม
หลิง-ออม

ยากไหมกว่าจะซึมซับการเป็นนักแสดง ?

หลิงหลิง: ยากมาก สุดๆ คือด้วยที่ว่าวัฒนธรรมของหลิง ก็คือแบบไม่แข็งแรงใช่ไหมคะ ก็มันมีบางช่วงที่หนูไม่อยากเป็นนักแสดงเลย หนูแบบหนูไม่อยากต่อสัญญาช่องแล้ว หนูไม่อยากเป็นนักแสดงแล้ว แต่ว่าคือพอมีพี่ๆ ที่อยู่ในวงการเขาให้กำลังใจอ่ะค่ะ ก็ค่อยๆ แบบ support หนูไป ค่อยๆ เวลาเราเข้าไปถ่ายละครมีอะไรไม่เข้าใจ อย่างพี่โอ้ พี่แต้ว ทุกคนพร้อมที่จะ support หมดเลย อะไรที่เราสงสัยไม่ใช่แค่เรื่องบท แต่เป็นเรื่องเออทำไมการที่เราเป็นนักแสดง อะไรคือแบบเป้าหมายของการเป็นนักแสดง อะไรคือประสบความสำเร็จ แล้วก็นั่งคุยกันซึ่งพี่ๆ ก็น่ารักมากเลย ก็คอยช่วยและมันถึงมีหลิงทุกวันนี้ได้

การพูดคุยกับคนรอบข้างทำให้ mindset เราเปลี่ยนไหม ?

หลิงหลิง: ใช่ หนูชอบฟังประสบการณ์พี่ๆ เขามากเลยค่ะ จากแต่ละคนที่หนูเจอ มีแต่คนมี mindset ดีๆ เลยค่ะ แล้วซึ่งหนูก็ดีใจมากที่ตั้งแต่หนูมาอยู่เมืองไทย หนูได้เจอแต่เพื่อนดีๆ ที่ไม่ได้รังเกียจเราว่าเราพูดไทยไม่ได้ คอยช่วยเหลือเรา คอยอธิบายเรา คือช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ไทย หลิงจะถามว่านี่แปลว่าอะไรคะ แปลว่าอะไรคะ แปลว่าอะไรคะ วันนึงก็อาจจะถามสักแบบร้อยรอบ แต่เขาก็ยังยินดีที่จะตอบ นี่เป็นความน่ารักของแบบเพื่อนๆ ไทยมาก

อะไรที่ทำให้ ‘หลิงหลิง’ ตัดสินใจมาอยู่ที่ไทย ?

หลิงหลิง: จริงๆ แทบจะไม่มีเหตุผลเลยค่ะ มามี๊อยากให้ย้ายมาอยู่ที่ไทย ย้ายมาอยู่ด้วยกันค่ะ แล้วมันเป็นช่วงจังหวะที่เหมือนจบเทอมนั้นพอดี แล้วพอย้ายมามันเหมือนเป็นล็อกอ่ะค่ะ ซึ่งมันไม่มีเหตุผลเลยแค่แม่อยากให้ย้ายมาเราก็ไม่ได้ถาม เราก็เป็นเด็กที่แบบฟังอยู่แล้ว ตามใจ เออมาก็มา

แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะมาทำงานวงการบันเทิง ?

หลิงหลิง: ไม่เคย ไม่เคยคิดจะเข้าวงการบันเทิงเลย เพราะว่าคิดว่าตัวเองไม่มีอะไร รู้สึกว่าตัวเองเป็นเส้นตรงที่ไม่มีอะไรน่าค้นหา ไม่มีอะไรเลยค่ะ  

ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นอะไร ?

หลิงหลิง: จริงๆ ตอนเด็กๆ เคยชอบวาดรูป ก็อยากเป็นนักวาดรูป แต่พอโตขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ ยุบไปละ โครงการนั้นยุบไปละ แล้วก็พอโตขึ้นมาพอเราไปเที่ยวนู่นนี่นั่น ก็เห็นแอร์ เราก็อยากเป็นแอร์

สุดท้ายก้าวเข้ามาอยู่วงการบันเทิง ?

หลิงหลิง: นั่นแหละค่ะ ตอนนั้นอยากเป็นแอร์ ก็เลยไปเรียนที่ขอนแก่น เรียนการจัดการการท่องเที่ยวค่ะ แล้วที่นี้เหมือนตอนนั้นก็พี่ช่างแต่งหน้าที่เคยแต่งหน้าให้เรา มาชวนเราประกวดนางงาม ซึ่งหลิงก็ไม่ชอบ หนูไม่ชอบใส่ชุดไทย หนูไม่อยากแต่งหน้า มันเป็น culture ที่หนูไม่เคยสัมผัสเลย คือเข้าใจว่าความเป็นนางงามมันจะต้องแต่งหน้าเข้มนิดนึง นี่ปกติหลิงจะแบบแทบจะไม่แต่งหน้าเลย ก็เลยตกใจ แต่ก็ด้วยที่ว่าเราเป็นคนขี้เกรงใจ แล้วเราก็ปฏิเสธเขาไปหลายรอบแล้ว ลองก็ได้ค่ะ ก็เลยมีโอกาสให้เราได้ขึ้นบนเวทีแต่ก็คือ เน้นเขาร่วม ไม่เน้นเข้ารอบ จริงๆ แต่โอกาสอะไรก็ไม่รู้อ่ะทำให้เราเข้ารอบสามคนสุดท้าย โดยที่ว่ามัน อันนั้นอ่ะจริงๆ เป็นเวทีจังหวัดด้วยซึ่งมันเป็นเวทีที่ยากมากที่ประกวดครั้งแรกจะได้เข้าสามคนสุดท้ายค่ะ เพราะปกติเข้าสามคนสุดท้ายต้องนางงามเดินสาย หนูไม่รู้แหละ หนูยิ้มไว้ก่อน ตอนนั้นมีกระแสว่าหนูเหมือนคนนี้ แล้วด้วยที่ว่าคนไทยชอบดูนางงามอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เรามีโอกาสอยู่บนสื่อออนไลน์เยอะ ก็เลยมีคนติดต่องานให้ไปแคส

หลิงหลิง คอง
หลิงหลิง คอง

ด้าน ‘ออม’ เกิดในครอบครัวนักแสดง ?

ออม: หนูไม่เคยถูกปูมาเลย ไม่เคยรู้เรื่องเลย คือมันเหมือนมันไม่ใช่ไกล แต่คือมันใกล้จนเราไม่เคยมองเห็นมันเลย เราเห็นแม่ไปกองตั้งแต่เด็ก แต่เราไม่เคยไปกองกับแม่เลยเพราะว่าแม่ชวนไปหนูก็ไม่ไป หนูขี้เกียจ หนูไม่อยากเจอคนค่ะ แล้วก็เราเริ่มมาคล้ายๆ กันโน้ะ แบบไม่ค่อยอยากเข้ามา ไม่อยากแบบนี้ พอเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็ไม่เคยคิดอยากจะไปแคส หรือว่าอยากไปทำงานทางด้านนี้เท่าไหร่ จนกระทั่งมีเพื่อนที่สนิทกับแม่ เขาบอกว่าออมแบบดูน่าจะทำได้นะ ลองไหมลองแคสไหม แม่ก็ไปส่งแคสแล้วก็ได้เลย ตอนนั้นซีรีส์เรื่องนั้นออนช่อง 3 แต่ว่าไม่ใช่ช่อง 3 ทำโดยตรง แล้วพอเหมือนช่อง 3 เขาเห็นเขาก็จับเราไปเซ็นช่องแล้วก็ได้งานมาเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้น ซึ่งหนูก็ยังเข้ามาด้วยความงงอยู่เลยว่า แล้วเข้ามาได้ยังไง ก็จะมีความงง แต่สุดท้ายเราก็ทำได้แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ พอเราค้นพบว่าเรามีความสุขกับงานตรงนี้นะ เราก็เริ่มที่จะลองค้นหามันดูในระหว่างทางที่เราเดินมาค่ะ

ตอนเด็กๆ ‘ออม’ ฝันอยากเป็นอะไร ?

ออม:  หมอค่ะ อยากเป็นหมอ ม.ปลาย สอบเข้าสายวิทย์-คณิต โรงเรียนดัง เป็นอย่างนั้นเลย ม.ต้น ก็เลิกเรียนเสร็จก็ไปเรียนพิเศษต่อที่สยาม

หลิงหลิง: ขยันเรียนเพื่อเป็นหมอ หมอผิวหนัง

ออม: แต่ว่าพอสอบแล้วได้อันดับประมาณเยอะมาก คือต่ำมาก หนูก็เลยไม่น่าใช่แล้ว น่าจะมีอะไรแบบผิดพลาดสักอย่าง ก็เลยคิดว่าถ้าเราไม่ได้เป็นหมอ เรามาช่วยงานที่้บ้านดีไหมนะ แล้วเราก็พยายามหา ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ แต่ไม่เคยอยากจะคิดเรียนแบบนิเทศ แต่ว่าต่อโทก็เกี่ยวๆ นิดนึงค่ะ แต่ว่าตอนปริญญาตรี อยากทำเกี่ยวกับเลขตอนนั้นเพราะว่าเรารู้สึกว่าเราถนัดวิชาเลขที่สุดตอนนั้นนะ แล้วก็เรียน bilingual ได้ภาษาอังกฤษ ก็เลยเข้าเศรษฐศาสตร์อินเตอร์ แล้วก็หวังว่าเผื่อเราจะได้ช่วยงานที่บ้านได้บ้าง ปรากฎว่าก็ไม่ได้ช่วยเลย ก็กลายเป็นว่าเราเข้ามาทำตรงนี้แบบเต็มตัวเลย

ออม กรณ์นภัส
ออม กรณ์นภัส

พอใจกับจุดที่เรายืนอยู่ตรงนี้มากน้อยขนาดไหน ?

หลิงหลิง: เป็นคำถามที่ไม่เคยโดนถามเลย จริงๆ ก็ดีใจหมายถึงว่าดีใจที่ไม่ได้ดีใจกับตัวเอง ดีใจที่คนอื่นมาชอบผลงานเรา สามารถสร้างความสุขให้กับคุณผู้ชมที่รับชมซีรีส์ของเรา นี่มันเป็นอะไรแบบสิ่งที่นักแสดงอยากเกิดขึ้นกับแฟนๆ

แล้วภูมิใจในตัวเองบ้างไหม ?

หลิงหลิง: คือหลิงเป็นคนขี้เขินอ่ะ อย่างนางงามเราก็แบบคิดว่าตัวเองไม่เหมาะ แต่ก็ได้ไปประกวดแล้วก็ได้มงมา หลิงก็ภูมิใจกับมัน เหมือนครั้งนี้ที่หลิงได้ไปร้องเพลงประกอบซีรีส์ใจซ่อนรัก ซึ่งปกติหลิงจะไม่ค่อยร้องเพลงให้ใครฟังค่ะ แต่ก็ก็รับโจทย์นี้ไป แล้วก็ภูมิใจว่าตอนนี้ล้านวิวแล้ว คือหลิงก็ยังภูมิใจทุกๆ สเต็ปของตัวเอง

ออม: แต่เขาจะเป็นคนขี้เขิน ออมว่าก็ดีเหมือนกันกับการที่มีผู้ใหญ่รอบข้างแล้วก็มีแฟนคลับคอยซัพพอร์ตแล้วแบบหลิงหลิง เพราะเขาจะขี้เขิน ขี้อาย ซึ่งก็คล้ายๆ กันเวลาแบบทำงาน หนูก็จะเหมือนต้องการจะมองหากำลังใจอยู่ตลอดเวลาอะไรอย่างนี้ค่ะ

‘ออม’ ภูมิใจกับตัวเองมากขนาดไหน เห็นแม่เป็นไอดอลไหม ?

ออม: แม่เป็นไอดอล ในเรื่องความอึด ถึก ทนของคุณแม่ คือเหมือนแม่เขาเป็นคนที่ คือเขาจะเรื่องงานไม่พลาดเลย คือตั้งแต่หนูรู้จักแม่มาแม่ไม่เคยนาฬิกาไม่ปลุกเลย คือเขาจะเป็นคนที่มีระเบียบมากนึกออกป่ะคะ หนูก็มองตรงนั้นความมีระเบียบวินัยของแม่เป็นแบบอย่าง การสู้งานของแม่ ความแน่วแน่ของแม่อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็จะเอาตรงนั้นมาเป็นไอดอล แล้วเราภูมิใจในตัวเองไหม ภูมิใจค่ะ แต่ว่ารู้สึกว่าตัวเองก็ทำได้ดีกว่านี้นะ ถ้าให้พูดตรงๆ ก็เรายังเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเองดีกว่านี้ได้ อย่างเช่นเราอาจจะแข็งแรงออกกำลังกายมากขึ้น หรือว่าคุมอาหารได้มากขึ้น แอคติ้งได้ดีมากขึ้นอะไรอย่างนี้ค่ะ เราก็อยากทำไปเรื่อยๆ แต่เท่าที่มีตอนนี้ก็คือเราก็มีความสุขกับการที่มีคนแอปปี้ที่มาดูละครเราแล้วค่ะ

First Impression ของทั้งคู่ที่มีต่อกันเป็นยังไง ?

หลิงหลิง: หลิงจำได้ว่าเขาโชว์ขา รึเปล่าไม่รู้อ่ะ ขายาวๆ ใสๆ อ่ะ วัยรุ่นอ่ะ วัยรุ่นมาก ตอนที่หลิงเข้าช่องก็คือแบบอายุ 23-24 แล้วไง ส่วนน้องออมยังแบบวัยรุ่นอยู่เลย ผิวขาวๆ น่ารัก แล้วก็จำได้ว่าร้องไห้เก่งมากใน acting class นะ เท่าที่จำได้คือใน acting class ที่เรียนด้วยกัน ใช่

ออม: first impression ที่มีต่อพี่หลิงคือเขาเป็นคนที่ดู active มาเลย คือมาคลาสเรียนก็ใส่ชุดออกกำลัง แล้วก็เป็นคนเงียบ แล้วก็รู้สึกว่าเป็นคนที่ถ้าไม่รู้จักเขามาก่อนก็คิดว่าหรือเขาจะไม่ชอบเราอะไรอย่างนี้ค่ะ คือจะมีความกลัวนิดนึงในการเข้าหาในตอนแรก แต่ว่าพอคุยไปคุยมา เขาก็เป็นผู้หญิงหวานๆ นะ คือแบบหวานๆ แล้วก็ไม่ได้คุยกันเลยจนมาตอนนี้แหละค่ะ

หลิง-ออม
หลิง-ออม

ก่อนหน้านี้คือไม่เคยมีผลงานร่วมกันมาก่อนเลย ?

หลิงหลิง: ไม่เคยมีผลงานร่วมกันเลย แต่ก็จะมีงานช่องต่างๆ งานกีฬาสีของงานบอล หรือว่าเวลาเข้ามาใหม่ๆ ก็จะมีกิจกรรม

ออม: ให้เต้นๆ

หลิงหลิง: เต้นด้วยกัน

ออม: แล้วเราได้เต้นสีเขียว สีเดียวกัน ตอนนั้นนี่ย้อนกลับไปดูรูปรวบตึง หน้าเหลืองเลย ตอนนั้น 4 ปีที่แล้ว (หัวเราะ)

หลิงหลิง: น่ารัก

ออม: เต้นๆ กันอยู่อย่างนี้สองคนอ่ะ (หัวเราะ)

หลิงหลิง: เขินเหมือนกันตอนนั้น แต่ก็ภูมิใจ ก็นั่นแหละคือโอกาสที่แบบเราได้เจอกันตามงาน

อายุห่างกัน 7 ปี มีความคิดที่ต่างกันบ้างไหม ?

หลิงหลิง: ความคิดการสื่อสาร มันก็จะมีคำศัพท์ใหม่ๆ ที่หลิงไม่เข้าใจ แต่ก็น้องออมก็อัพเดตทันทีเลย คือบางทีแบบ คือน้องออมเป็นคนที่อยู่ social เยอะอ่ะ สำหรับหลิงนะ แล้วหลิงก็เป็นคนที่ไม่ค่อยเล่น social เขาก็จะสามารถบอกเราได้ มันก็จะมีศัพท์ใหม่ๆ ที่หนูไม่เข้าใจอ่ะค่ะ แต่หนูก็ปรับตามเขา จริงๆ ถ้าน้องออมไม่บอกเราว่าห่างกัน 7ปี หลิงก็ไม่รู้สึกว่าเราห่างกันขนาดนั้น

เรื่องการทำงาน เคยมีความคิดที่ไม่ตรงกันไหม ?

ออม: ไม่เคยนะ เท่าที่ผ่านมารู้สึกว่าไม่เคย เพราะว่าสมมติเวลาเลือกรองเท้า แบรนด์ให้รองเท้ามาสองคู่ เท้าของเราสองคนไซส์เท่ากัน เรามักจะเลือกอันตรงข้ามกันตลอดเลย มันเลยไม่มีอะไรที่ทำให้เราขัดใจกันเลย หรือแม้กระทั่งสมมตินะสมมติแบรนด์ส่งชุดมา 2 ชุด แล้วออมรู้สึก พี่หลิงออมไม่มั่นใจว่ะ ออมก็เชื่อว่าพี่หลิงก็พร้อมซัพพอร์ตเรา

หลิงหลิง: ใช่ น้องออมก็จะบอกมาตรงๆ เลยว่า น้องออมไม่ไหวแล้ว ต่อไปถ้ามีชุดโชว์พุงอ่ะ น้องขอให้พี่ใส่ได้ไหม หนูก็แบบได้เพราะว่าหลิง หลิงไม่มีพุง คือมันก็ได้หมดอ่ะ อย่างหลิงชอบใส่กางเกงมาก เขาชอบใส่กระโปรง คือมันมีต่างฝ่ายต่างที่ต่างกันแล้วก็ลงตัว

ออม: มันจะตลกตรงนี้ เขาชอบเป็นอย่างนี้ คือเขาเหมือนเป็น partner ที่ดีจริงๆ แล้วเรื่องเราเป็นนักแสดง เรื่องชุด เรื่องหน้า เรื่องผม เรื่องรองเท้า มันเป็นเรื่องใหญ่นะ แล้วเธอซัพพอร์ตเราในด้านนี้ได้ เธอเข้าใจเราจริงๆ นึกออกป่าวว่าเราไม่มั่นใจน๊า

หลิงหลิง: เขาเคยบอกว่าตัวเองแบบถ้าออมหุ่นดีกว่านี้นะ ออมจะใส่ชุดเซ็กซี่กว่านี้ หลิงก็ออมใจเย็นๆ ก่อนน๊า

ออม: ออมใจเย็นน๊า

หลิงหลิง: ทุกวันนี้ออมก็เซ็กซี่มากแล้วนะ มันมีแค่นี้ค่ะที่ไม่มีอะไรเลย นี่ก็จะแบบ เอาอีกๆ

ออม: หนูว่ามันเป็นเพราะเราไม่ต้องตัดสินใจอะไรเองทั้งคู่เลย คือเรามีผู้จัดการ เรามีพี่แหม่ม มีแม่คอยแบบจัดการให้ เราก็เลยไม่ต้องตัดสินใจกันเอง ไม่ขัดแย้งกัน

Life Style อะไรของทั้งคู่ที่ไปด้วยกันได้ดีสุดๆ ?

ออม: เราไปด้วยกันได้เพราะว่าเราเป็นเราอ่ะ พอเราเป็นตัวเองใส่กันได้มันก็สบายใจในการอยู่ด้วยกัน

หลิงหลิง: มันโชคดีที่ว่าเราทั้งคู่เป็นคนตามใจ คือหลิงเป็นคนที่แบบง่ายๆ ยังไงก็ได้ น้องออมก็เหมือนกันอะไรก็ได้

ออม: มันก็เลยไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกันเท่าไหร่

หลิงหลิง: แทบจะไม่มีเลยนอกจากเรื่องเซ็กซี่เกินไป

ออม: ไม่ใช่เท่าไหร่ ไม่มีเลยเถอะ เธอเซ็กซี่ เธอเป็นอะไรกับฉันแต่งตัวเซ็กซี่เนี่ย

หลิงหลิง: เธอใส่กระโปรงสั้นมาก มันมีแค่นี้แหละ ถ้ามันคือความสุขของน้อง น้องก็ทำได้อยู่แล้ว

หลิง-ออม
หลิง-ออม

คิดยังไงกับการต้องมารับบทแสดงในซีรีส์แซฟฟิก ?

หลิงหลิง: หลิงก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับช่อง 3 เหมือนกันค่ะ แล้วหนูก็เลยอยากลอง เป็นโปรเจ็กต์แรกที่รู้สึกว่าน่าสนใจ แล้วพออ่านนิยายแล้วก็รู้สึกว่าตัวละครมันน่าสนใจมากๆ ก็เลยอยากลองดู

ออม: ส่วนของหนูคือเขาเรียกไปแคส หนูก็ไป แค่นั้นแหละค่ะ เพราะไม่ได้รู้สึกว่า พอเป็นแซฟฟิกแล้วมันจะต้องปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงอะไร มันก็คือความรักอย่างนึง มันก็คือความรักปกติธรรมดานี่แหละค่ะ ก็เลยไม่รู้สึกอะไรเลย

สร้างความกดดันไหมด้วยความเป็นแซฟฟิกเรื่องแรกของช่อง ?

หลิงหลิง: ตอนแรกก็ไม่กดดัน แต่พอเริ่มแฟนคลับเยอะขึ้น พอคนติดตามเยอะขึ้นก็เลยเริ่มกดดันละ กลัวแบบไม่ถูกใจเขารึเปล่า เราจะสามารถเป็นฟ้าลดาได้ดีไหม แฟนๆ จะชอบไหม ตอนกลางๆ ที่แฟนคลับเยอะขึ้น

ออม: ออมไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ค่ะ คือออมว่าสิ่งเดียวที่กดดันคือกลัวตัวเองเล่นไม่ได้มากกว่าแต่ว่าถ้าเกิดเราทำมันออกมาเต็มที่แล้ว เราจะไม่ค่อยกดดันอะไร ในชีวิตก็ไม่ค่อยกดดันเหมือนกัน

ยังจำโมเมนต์ที่เจอแฟนคลับครั้งแรกได้ไหม ?

ออม: ตอนนั้นถ่ายอยู่คิวแรกๆ เลยค่ะ แล้วก็บอกวว่าจะมี food support มา ตอนนั้นมีคันเดียว แต่ก็คือคันเดียวแต่อาหารเยอะมาก มีอาหารแบบ มีน้ำ มีนม มีขนม มีสเต็ก แล้วก็ตื่นเต้นมากเลยแล้วก็มีแฟนคลับมารอเจอเราประมาณ 40-50 คน ก็รู้สึกว่าเยอะมากแล้วตอนนั้นอ่ะ จนอยู่ดีๆ พอครั้งถัดๆ ไป ทำไมอยู่ดีๆ มันก้าวกระโดดเยอะขนาดนั้นอ่ะ อยู่ดีๆ ก็มาเต็มอย่างงี้เลย จาก 50 คน ไป 200 คน 500 คน 2,000 กว่าคนอย่างนี้ ที่แฟนมีตเราที่แบบจัดขึ้นก่อนจะมีละครออนด้วยซ้ำ ตกใจค่ะ คือจำนวนของแฟนคลับคือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบเร็ว

ตกใจไหมกับการที่มีแฟนคลับมาติดตามคู่เราเยอะมากทั้งที่ซีรีส์ยังไม่ออน ?

หลิงหลิง: หนูอ่ะรู้สึกแปลกใจ ทำไมซีรีส์ยังไม่ออนแต่เขามาติดตามเราแล้ว เขามาติดตามคู่เราแล้ว แล้วพวกเขาก็เหมือนช่วยกันดัน tag ดัน trend ให้แบบมีคนเห็นเรามากขึ้นด้วย เราก็เลยงงว่าอะไรทำให้เขามั่นใจว่าการแสดงของเราจะออกมาดีอะไรอย่างนี้ นึกออกไหมคะ ที่ตั้งคำถามมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

ออม: ก็ที่เขาบอกเธอไงว่าเธออ่ะ หน้าตาสวยมาก

หลิงหลิง: แค่หน้าตาดีเหรอ

หลิง-ออม
หลิง-ออม

หรือว่าเป็นเพราะเคมีของเราทั้งคู่ ?

หลิงหลิง: ก็จะมีเคสที่บอกว่าเคมีที่คนนึงเป็น introvert อีกคนนึงเป็น extrovert แต่ว่าลงตัว อย่างที่เมื่อกี้บอกว่าเรามักจะสองอย่างวางด้วยกัน เรามักจะเลือกฝั่งตรงข้ามอะไรอย่างนี้ แล้วก็มีอีกเรื่องนึงที่เขาบอกว่าแคสตรงมาก

ออม: แคสตรงปกมาก คือในนิยายกับในซีรีส์ค่ะ คือเราแคสออกมาเหมือนกันมาก แม้กระทั่งรูปหน้าปกค่ะ ตัวฟ้าลดายังเหมือนพี่หลิงหลิง และอีกตัวนึงสีผมยังเหมือนออมเลย ทั้งๆ ที่ออมแบบออมทำผมมาก่อนหน้าที่จะเล่นซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ทำสีผมอ่ะค่ะ ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แล้วพอมาแคสก็หัวสีนี้พอดีด้วยค่ะ

ปรากฏการณ์ใหม่ บัตรแฟนมีต sold out ตั้งแต่ซีรีส์ยังไม่ออน ?

หลิงหลิง: ตกใจ ตกใจมาก คือยังจำได้ว่าช่วงแรกๆ ที่หลิงลงไปหาแฟนคลับ ก็ยังตกใจกับจำนวนแฟนคลับที่เพิ่มขึ้น นี่มันแฟนคลับเราจริงๆ เหรอ ไม่ใช่แฟนคลับที่แบบมาหาคนอื่นเหรอ จนเขานั่งตั้งใจมาอยู่ตรงนั้นจริงๆ ซึ่งมันทำให้หลิงตกใจมากกับจำนวนแฟนคลับ แล้วก็กับสิ่งที่เขาทำให้เรามันก็ surprise มากๆ

ออม: พี่งานพวกหนูเมื่อวานอย่างนี้ เริ่มทุ่มหนึ่งอ่ะ 10 โมง 11โมง เขาก็มานั่งจองที่กันแล้ว ออมบอกว่าพวกเธอกินข้าวรึยัง คือแบบพวกเขาทำให้เราว่ารู้สึกอยากอัพเดต social เรา เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเออเรากำลังไปนะ รอเราแปปนึงนะ รถเราติดมาก เรายังไม่เสร็จจากงานจากที่นี่ เขาเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากเล่น social อ่ะค่ะ

วงการที่ชื่อเสียงมาพร้อมกับดราม่า มีวิธีตั้งรับกับตรงนี้ยังไง ?

ออม: คือถ้าเป็นออม ออมก็จะระวังตัวมากขึ้นค่ะ สมมติแต่ก่อนเราเคยทำแบบนี้ได้ แต่ตอนนี้เราเป็นที่รู้จักแล้ว เราอยู่ในแสง อาจจะมีเด็กๆ ที่ตามเรา หรือพอเราอยู่ในแสงสังคมจะมองเห็นเรามากขึ้น เราก็ต้องเป็นเหมือนแบบตัวอย่างที่ดีให้สังคม ถ้าพูดก็พูดถึงแม้ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีทั้งแบบดี และไม่ดีก็ตาม แต่เราก็ต้องพยายามแบบโชว์ด้านที่ดีออกมา อย่าทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่สังคมค่ะ

หลิงหลิง: ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วอ่ะ ถ้ามันมีดราม่า

ออม: ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็แค่พูดความจริงไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นยังไง เพราะสุดท้ายไม่ได้ทำอะไรที่ร้ายแรง เราไม่ได้แบบ using drug or ทำอะไรที่ไม่ดี สุดท้ายก็มนุษย์กันทั้งนั้น อยากให้แบบทุกคนเข้าใจว่าแบบสุดท้ายแล้วพวกเราทุกคน ดาราทุกคนเป็นมนุษย์กันหมด

หลิงหลิง: ก็เข้าใจว่ามันมีดราม่าได้ง่าย คืออย่างแรกเราต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองก่อน เวลาเราพูดอะไรเราก็ต้องคิดให้เยอะขึ้น นี่เป็นสิ่งที่แบบที่หลิง remind ตัวเองตลอดว่าเราพูดอะไรเราต้องรับผิดชอบกับคำพูดตัวเอง แล้วถ้าเกิดดราม่าจริงๆ เราก็จะต้องแยกแยะว่าสิ่งที่เขาคอมเมนต์ คือเขาคอมเมนต์เพราะว่าอารมณ์ หรือเป็นเพราะเหตุผล ซึ่งหลิงเป็นคนที่ใช้เหตุผลเสมอ ถ้าเขาพูดเป็นเรื่องจริง หลิงก็จะรับฟัง แต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง หลิงก็จะปล่อยโดยที่เราจะไม่มาเก็บมาเลย เพราะว่าคนที่รักเรามีเยอะมาก คนที่ให้กำลังใจเราก็มีเยอะมากเหมือนกันค่ะ ก็เลยแคร์คนที่รักเราดีกว่า

คิดว่าถ้าเกิดขึ้นจะจัดการความรู้สึกยากไหม ?

หลิงหลิง: ไม่ยากเลย เพราะว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นลูกสาวคนโตด้วย เราผ่านอะไรมาด้วยคนเดียวเยอะค่ะ แล้วเราก็ไตร่ตรองก็ใช้ความคิด ใช้เหตุผลมาเรื่อยๆ ก็เลยไม่เคยรู้สึกว่ามันต้องเสียใจหรือว่าต้องเสียดายบางอย่างกับสิ่งที่ไม่รักเรา หนูเชื่อว่าคนที่รักเรา เขาจะซัพพอร์ตเราเสมอ สุดท้ายเขาแค่ก็อยากเห็นรอยยิ้มเรา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้นะ

หลิง-ออม
หลิง-ออม

พอมีคนให้ความสนใจเยอะขึ้นการใช้ชีวิตยากขึ้นไหม ?

หลิงหลิง: มันก็มีการสูญเสียตัวเองบ้าง ก็แต่คือก็ต้องบอกว่าตั้งแต่รับซีรีส์เรื่องนี้เราก็นั่งคุยกันแล้ว เรานั่งคุยกันแล้วซึ่งเราก็ยอมรับว่าเรายอมรับได้ ก็เลยไม่ได้เป็นปัญหา เราทำใจมาแล้วว่าชีวิต ชีวิตส่วนตัวของเราจะหายไปแบบอย่างน้อยก็ 70 เปอร์เซ็นต์ อะไรอย่างนี้ค่ะ

ออม: สำหรับออมหนูอ่ะมองว่าแฟนคลับของหนู ค่อนข้างที่จะเข้าใจหนูพอสมควร คือหนูจะเปิดเผยตัวตนมากว่าหนูเป็นคนยังไง หนูเที่ยวไหใ หนูเล่นแรงไหมสมมตินะคะ ซึ่งเรามองว่าถ้าเกิดคนที่รับได้มันก็คือคนที่รับได้ มันก็คือแฟนคลับที่คอยอยู่ซัพพอร์ตเรา แต่บางคนแบบศิลปินคนนี้เที่ยวอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่อ่ะค่ะ ก็เลยมองว่า ณ ปัจจุบันตอนนี้ คือมันมีแต่คนที่ซัพพอร์ตเราที่เราเป็นอย่างงี้ เราก็เลยไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเองมาก แค่เราต้องระวังคำพูดคำจาอะไรแค่นั้นเองอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เลยรู้สึกไม่ได้เสียไปเยอะ แต่ก็แค่ต้องใช้คำว่าต้องคีพลุคมากขึ้นค่ะ ใช่ๆ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคนนะคะ

มาถึงจุดนี้ความรู้สึกกับคำว่า ‘ความสำเร็จ’ เป็นยังไง ?

ออม: ออมว่ายังค่ะ คือถ้าให้พูดเรายังเรายังรู้สึกว่าเราเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้นะ ทุกวันนี้หนูแม่ขอตังค์หน่อย ซึ่งแบบเป้าหมายที่เราตั้งไว้คือเราอยากดูแลพ่อดูแลแม่ คือแม่กับพ่อก็บอกมาตลอดนะว่าไม่ต้องดูแลแต่เราก็อยากดูแลเขาได้ เป็นฟีลความฝันเด็กสาวอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็รู้สึกว่าเรายังทำตรงนั้นไม่ได้ งั้นก็ถือว่าเรายังไม่สำเร็จละกัน แล้วก็มีเวลาอีกไม่ช้าก็เร็วในการพัฒนาตนเอง เราก็ตั้งใจทำตรงนี้ไปละกัน

หลิงหลิง: สำหรับหนูนะคะ หนูไปสัมภาษณ์พบสื่อเยอะมาก เขาจะชอบใช้คำนี้ สำเร็จแล้ว ประสบความสำเร็จ ข้ามคืนดังอะไรอย่างนี้ ซึ่งหนูรู้สึกว่าหนูยังไม่ได้ดังเลย หนูยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย หนูไม่กล้าใช้คำนี้เลย จะสังเกตดูว่าทุกครั้งที่แบบพูดหนูก็เงียบ หนูไม่กล้าพูดคำนี้เลย

หลิง-ออม
หลิง-ออม

“ใจซ่อนรัก The Secret of Us” เรื่องราวเป็นยังไงสำหรับเรื่องนี้ ?

ออม: ใจซ่อนรักเป็นเรื่องของผู้หญิงสองคนที่คนนึงกำลังเรียนหมอและอีกคนนึงเรียน Business แต่ว่าไปทำงานช่วยส่งตัวเองเรียนที่ต่างประเทศแล้วไปพบรักกัน เสร็จปุ้ปเราต้องเลิกกันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างคือคุณแม่ของเขาไม่ให้คบ และแลกกับมาบอกจะรักษาคุณแม่ให้เราอะไรอย่างนี้ ถ้าไม่เลิกจะไม่รักษานะ ด้วยความตอนนั้นเราเด็ก เราตัดสินใจอะไรไม่รอบคอบเราก็เลยเลือกที่จะเลือกแม่แล้วก็บอกเลิกเขาโดยที่เขาไม่รู้เหตุผลเลย เสร็จปุ้ปวันนึงอ่ะเหมือนเรารู้เหตุผลอะไรบางอย่างมาว่าสิ่งที่แม่เราพูดอ่ะมันไม่จริง แล้วเราอยากกลับมาหาเขาค่ะ เราก็เลยหาวิธีทางง้อเขา หาวิธีทางบอกเขา แต่มันก็เกิดเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดตลอดทางเลยอะไรอย่างนี้ ก็ต้องคอยลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้กลับมารักกันไหม

ตัวละคร relate กับเราบ้างไหม ?

หลิงหลิง: คุณฟ้าลดาเหรอคะ ก็มีความรีเลทนะคะ จริงๆ ในด้านของความรักมุมมอง ของหลิงกับฟ้าลดาคล้ายๆ กันเลย แล้วก็บุคลิกภาพก็เป็นคนนิ่งๆ เหมือนกัน เพียงแต่อาชีพการงานหรือว่าบางอย่างเราก็ต้องเพิ่มเข้าไปประมาณนี้ค่ะ

ยากไหมทำการบ้านตัวละครนี้ ?

หลิงหลิง: ยากค่ะ เพราะว่าซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ดราม่าเยอะที่สุดเท่าที่หลิงเคยรับมา ก็เลยยาก ทำการบ้านเยอะค่ะด้วยที่ว่าตอนนั้นถ่ายละคร 7 วันด้วย ต้องแบบแบ่งๆ เวลาแล้วก็ทำยังไงก็ได้ ห้ามให้ตัวเองทำให้กองช้า นี่คือโจทย์ของหลิง

บทบาทของ ‘ออม’ เป็นยังไง ?

ออม: เอิน ศนิธาดาค่ะ ซึ่งรับบทเป็นดาราสาวดาวรุ่งที่มาแรงมากๆ ตอนนั้น คาแรคเตอร์เขาจริงๆ ไม่ต่างกับออมเลย อาจจะเป็นแค่เวอร์ชั่นที่เรียบร้อยกว่าหน่อย มีความหวานกว่าหน่อย ขี้อ้อนกว่าอะไรอย่างนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่กับการที่เล่นเป็นน้องเอิน

ออม กรณ์นภัส
ออม กรณ์นภัส

ความสนุกของเรื่องนี้คืออะไร ?

ออม: มันง้อหลายวิธีเหลือเกินกว่าจะง้อ ก็ไม่รู้เขาจะคืนไม่ดีเมื่อไหร่ ใจแข็งนักใจแข็งหนา

หลิงหลิง: ความสนุกก็คืออีกคนนึงจะเข้ามา อีกคนก็ไม่ให้เขาเข้ามา นี่คือแบบความ conflict

ออม: แล้วพอแบบพอจะดีกัน จะดีกัน ต้องมีเรื่องให้แบบเข้าใจผิดกันอีก มันก็คือรสชาติซีรีส์ที่ทุกคนถามหา

หลิงหลิง: ซึ่งมันยากนะการที่แฟนเก่าที่เคยทำให้เราเสียใจกลับมาง้อเรา เราจะต้องใจอ่อนให้เขา ที่เราจะต้องเปิดแผลอีกรอบนึง

เลิฟซีนยากไหม ?

ออม: นิดหน่อย เกร็งนิดหน่อย เขิน คือไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ เพราะว่าเขาเป็นคนแรกมั้งที่ออมยอมเล่น love scene แบบดุๆ อ่ะ แล้วออมก็ oh my god, I can I cannot do this แต่สุดท้ายคือ พี่หลิงหลิงก็คือพาออมผ่านมาได้

หลิงหลิง: ก็เหมือนกัน ไม่เคยเล่นเยอะ  love scene เยอะขนาดนี้ค่ะ จริงๆ มักกะลีที่รักก็มีค่ะ แต่ก็จะไม่เยอะขนาดนี้ แต่ว่าอันนี้เราเป็นฝ่ายรุกเข้าไป ก็จะต้องเรียนรู้จากผู้รู้บ้าง แล้วก็เวิร์คช็อปเพื่อละลายพฤติกรรมให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจ เราจะได้กล้าทำกับน้องอะไรอย่างนี้ค่ะ ซึ่งน้องก็เปิดใจให้กับเรามากๆ

ถ้าให้เลือก 1 ซีน ที่ทั้งคู่ประทับใจเลือกซีนไหน

หลิงหลิง: ซีนเลิกกัน

ออม: ซีนเดียวกันเลย

หลิงหลิง: เพราะว่าซีนนั้นถ่ายยากมาก

ออม: ถ่ายอยู่  3 ชั่วโมง

หลิงหลิง: 3 ชั่วโมงค่ะ แล้วทุกคน concentrate กับซีนนั้น ทุกคนเงียบ แอร์ไม่เปิด เหงื่อไหล แต่ก็ต้องโฟกัส

ออม: เสื้อหนา

หลิงหลิง: เสื้อหนังใส่ฮู้ดอะไรอย่างนี้ แต่เป็นซีนที่แบบ ซีนเวลาเรารักใครแล้วเขาเลิกกัน ทุกอย่างมันถล่มลงไป อีกอย่างอีกคนก็เจ็บที่ไม่อยากเลิก

ออม: ต้องพูดแบบนั้นไป

หลิงหลิง: มันก็เลยกลายเป็นยากมากๆ สำหรับเรา หลิงเชื่อว่าถ้าเราสองคนไม่ได้ซัพพอร์ตกัน คือแม้ว่ากล้องไม่ได้จ่อมาเห็น แต่หลังกล้องอ่ะ เราก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นกันและกัน มันเป็นซีนที่แบบซัพพอร์ตกันและกันหนักมาก มันก็เลยกลายเป็นว่าเป็นซีนที่น่าจดจำแล้วก็ประทับใจที่สุดสำหรับพวกเราสองคนค่ะ

หลิง-ออม
หลิง-ออม

กระแสตอบรับดีเกินคาดมากรู้สึกยังไงบ้าง ?

หลิงหลิง: รู้สึกดีใจ รู้สึกหายเหนื่อยแทนทีมงานด้วย

ออม: หายเหนื่อยจริง หายเหนื่อแบบโอ๊ยใครพาฉันขึ้นเทรนด์เนี่ย มันตกใจไม่คิดว่าจะมีคนรักเราถึงขนาดมานั่งปั่นถึงตีสอง ตีสามยังไม่นอนกันเลยนะแฟนคลับอ่ะ นั่งปั่นเทรนด์กันอยู่ ทำให้ออมจ๋องไปด้วยเลยเนี่ย ตีสี่ยังไม่นอนเลย

หลิงหลิง: คนนี้อัพเดตตลอด

ออม: คนนี้อัพเดตตลอดไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในทวิตเตอร์ ก็คือออมมาคนแรกค่ะ ไม่หลับไม่นอน ไถตลอดอะไรอย่างนี้

สิ่งที่คนดูจะได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร ?

ออม: คือถ้าพูดตรงๆ อ่ะ ทุกคนจะได้เหมือนทุกคนจะได้เห็นความรักปกติเลยค่ะ คือทุกคนจะไม่ได้แบบพอเป็นซีรส์แซฟฟิกแล้วจะได้อะไรพิเศษ ไม่ มันคือความรักปกติที่ออมคิดว่าทุกคนจะได้แบบ normalize กันว่ามันมีรักหลายแบบบนโลกใบนี้ค่ะ แล้วก็ได้เห็นแบบถึงความรักที่แบบรักแรกของพวกเราด้วยที่สำคัญ

หลิงหลิง: อันแรกก็คือตอนที่ไปเจอแฟนมีตหนูตกใจ มีแฟนตั้งแต่เด็กยันวัยยายเลยซึ่งหนูตกใจมาก แล้วหนูก็อยากให้ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ทุกเพศ ทุกวัยเปิดใจมาดูว่าความรักมันไม่ได้ฟิคแค่อายุ เพศ ก็คือทุกคนสามารถมีความรักที่ตัวเองตามหาได้ แล้วอย่างคือในซีรีส์ก็มี conflict ที่น้องต้องผ่านไปให้ได้ ตรงนั้นก็อาจจะสามารถทำให้เห็นว่ามันมีทางแก้ไขตรงนั้นได้นะ แล้วก็ถ้าไม่สาระ ก็จะได้เห็นเคมีของพวกเรา แล้วก็ถ้าใครที่ดูนิยายมาแล้วก็จะรู้สึกว่า เออแคสนักแสดงมาตรงนะ ทำให้เขาอินกับเรื่องนี้ไปด้วยค่ะ

ฝากผลงานซีรีส์เรื่องนี้หน่อยค่ะ ?

หลิงหลิง: หลิงออมนะคะก็ขอฝากซีรีส์เรื่อง ใจซ่อนรัก ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ ค่ะ

ออม: สามารถดูได้ที่ช่อง 3 กด 33 นะคะ วันจันทร์เวลา 22.30 น. นะคะ หรือว่าถ้าใครที่ดูไม่ทันก็สามารถดูย้อนหลังได้ทาง Netflix หรือว่าแอปช่อง 3 ได้เลยค่ะ

ใจซ่อนรัก
ใจซ่อนรัก

สั่งชาเขียวหวานน้อย ทำไมได้น้ำเปล่ากลับมา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก