Mask Girl เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งซึ่งสร้างหรือพัฒนามาจาก Web Toon ที่ได้รับความนิยมถล่มทลายมาก่อน และเมื่อปล่อยออกอากาศบนสตรีมมิ่งของ Netflix ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงคอซีรีส์บ้านเราด้วย
ถ้าจะเปรียบ Mask Girl เป็นกาแฟ นี่น่าจะถูกปากสายเข้มประมาณ เอสเพรสโซ่ดับเบิลช็อต จากเม็ดอาราบิก้าคั่วเข้มบดละเอียด ขมติดปาก เท่าๆ กับหอมขึ้นจมูก แต่ถ้าจิตไม่แข็งพอ หรือนิยมสายหวาน โลกสวย สังคมดีงาม ควรข้ามๆ ไปก่อนจะดีกว่า
ซี่รีสเล่าเรื่องของ “คิมโมมี” เด็กสาวที่กระตือรือล้นมากความสามารถในการร้องเต้น เติบโตมาพร้อมกับความฝันว่า เธอจะเป็นดาวเจิดจรัสเป็นที่รัก ได้รับการยอมรับจากทุกคน… แต่ทุกอย่างผิดที่ผิดทิศ เป็นเพราะเบ้าหน้าของเธอที่ไม่งดงามตามมาตรฐานของสังคมทั่วไป
คิมโมมี กลายเป็นเพียงแค่สาวออฟฟิศ ที่ถูกกลืนหายไปท่ามกลางผู้คนในเมืองใหญ่ หนักไปกว่านั้น ปมเรื่อง “ไม่สวย” ยังตามมาหลอกหลอนชีวิตการทำงาน ถูกนินทา ถูกบูลลี่ (Body shaming) ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
Mask Girl พาผู้ชมขุดลึกลงไปมากกว่า Body shaming ยิ่งในสังคมชายเป็นใหญ่ Beauty standard ถูกนำมาใช้วัดคุณค่าของคน เพิ่ม/ลดโอกาสในหน้าที่การงาน ตลอดจนความสัมพันธ์ ความรัก ความชอบ เปิดบาดแผลให้เห็นความไม่เทียมกันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
คิมโมมี เลือกทางออกด้วยการสร้างอีกตัวตนหนึ่งในโลกโซเชียลมีเดีย เธอกลายเป็น Mask Girl ผู้แสนเซ็กซี่ ภายใต้หน้ากากกับหุ่นแซ่บเวอร์นั้น มีแฟนคลับที่ชื่นชอบ ติดตาม สนับสนุน จนชักพาให้เธอก้าวข้ามเส้นแบ่งบางอย่าง กระทั่งนำไปสู่เรื่องราวร้ายๆ ที่ตามมาอย่างคาดไม่ถึง
ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงส่วนเปิดเรื่องที่พาเราไปทำความรู้จัก Mask Girl แบบผิวเผิน เรื่องราวหลังจากนั้น ยิ่งเข้มข้น ขมขื่น โหดร้าย รุนแรง เป็น ทริลเลอร์ ดราม่า ฆาตกรรม ที่ซับซ้อน หักมุมครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวละครเตลิดไปกับความผิดพลาด ตามมาด้วยปฏิบัติการล้างแค้นอย่างเหี้ยมโหด เลือดเย็น แต่ก็เป็นเหตุเป็นผลที่ผูกร้อยกันอย่างยากที่จะแกะปมเหล่านั้นออกได้
บาดแผลและความเจ็บปวดของแต่ละคนล้วนมีที่มาที่ไป ขึ้นอยู่กับว่า จะหมกมุ่นกับการ แก้ไข หรือแก้แค้น แน่นอนผลลัพธ์ในบั้นปลายล้วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวละครอันเป็นแกนเรื่องหลัก “คิมโมมี” ใช้ดาราถึง 3 คนเข้ามาสวมบทบาทนี้ (ไม่นับรวมตัวแสดงตอนเด็ก) ได้แก่ อี ฮันบยอล (Lee Han-Byul) ซึ่งสามารถสะท้อนตัวตน 2 บุคลิกของทั้ง คิมโมมีสาวออฟิศ และ Mask Girl ได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่ นานะ (Nana) เข้ามาสวมบท คิมโมมี ในช่วงกลางเรื่องที่ชีวิตพลิกผัน และ ดาราเบอร์ใหญ่อย่าง โก ฮยอนจอง (Ko Hyun-Jung) เข้ามารับไม้ช่วงสุดท้าย ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
ถือเป็นงานกำกับการแสดงที่น่าชื่นชมของ คิม ยองฮุน (Kim Young-Hoon) ที่ปรุงรสซีรีส์ได้อย่างเข้มขื่น และพาไปสู่จุดที่มืดมิดได้อย่างสนุก ชวนติดตาม ขณะเดียวกันก็สะท้อนปัญหาสังคมของเกาหลีทั้งเรื่อง Body shaming, ค่านิยมความเชื่อทั้งในโลกออนไลน์และชีวิตจริง ,การทำร้ายกันด้วยคำพูด เหยียดย่ำ คนที่ด้อยกว่า, การ บูลลี่ตั้งแต่ในระดับโรงเรียน จนมาถึงชีวิตวัยทำงาน ฯลฯ
สรุปสั้นๆ ไปอดนอนกันเถิด มีทั้งหมดแค่ 7 EP ดูกันได้แล้ววันนี้บน Netflix