อยู่ในอันดับต้นๆ ของสาวงามผู้เข้าประกวดที่ถูกจับตาในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 เป็นอย่างมาก สำหรับ “แจ๊สซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์จากแม่ฮ่องสอน ที่เรียกได้ว่ามาแรงแซงโค้ง สมการรอคอยของแฟนนางงามที่อยากเห็นแจ๊สซี่ในเส้นทางนางงาม
FEED มีโอกาสได้พูดคุยกับแจ๊สซี่ ถึงเส้นทางนางงามที่เธอเลือกมาครั้งนี้ และแพชชั่นอันแรงกล้าที่เธอพกติดตัวมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส
จุดเริ่มต้นในเส้นทางนางงาม
แจ๊สซี่ : แจ๊สซี่รู้สึกว่าทั้งชีวิตไม่ว่าจะเป็นการศึกษาที่ทำเพื่อคุณพ่อ หรือการเข้าวงการเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ การเล่นละครเพื่อสวมบทบาท มันเหมือนเราทำให้คนอื่นจนวันนึงแพชชั่นในการตื่นมาเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมันเริ่มน้อย ก็เลยถามว่า จุดไหนในชีวิตที่แจ๊สซี่ไม่มี ก็คือเสียงที่คนอื่นจะรับฟังเมื่อแจ๊สซี่พูด อยากให้อยากมีโอกาสที่จะพูด ที่แสดงความคิดเห็น ทัศนคติ หรือว่าการแก้ปัญหาค่ะเพราะว่า คือสังคมแม้ว่าสังคมจะไม่ยอมรับผู้หญิงที่สวยมักจะมีกรอบ ว่าไม่เก่งไม่ฉลาด ผู้หญิงที่ทำได้ครบมักจะมีว่าจุดด้อยคืออะไร จนแจ๊สซี่คิดว่าแจ๊สซี่มั่นคงและมั่นใจในทุกๆ ด้านก็เลยมา เราก็อยู่ในวงการบันเทิงเนอะ ตอนไปไหนมาไหนก็จะมีคนทักถามว่าทำไมเมื่อไรจะไปอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ก็คือหนูล้วนๆ และที่หนูกับทีมหนูแล้วกันค่ะ แจ๊สซี่กับแม่ฮ่องสอนเลือกกันและกัน ด้วยการที่ City Director ของแจ๊สซี่ ทางคุณเหมย คุณไผ่ คุณไม้ เป็นเจ้าของธุรกิจ Jade for you ที่อยู่ที่เชียงใหม่ เมืองที่ใกล้ที่สุดก็คือแม่ฮ่องสอน
“แจ๊สซี่รู้สึกว่าแม่ฮ่องสอนมันเหมาะกับโปรเจ็กต์แจ๊สซี่ ที่แจ๊สซี่ทำเรื่องความหลากหลาย ความแตกต่าง คุณค่าของความแตกต่าง ความสวยงามของความแตกต่าง ด้วยการที่แม่ฮ่องสอนมี 12 ชาติพันธุ์ มันอยู่ในชายแดนพอดีระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน มันจะมีเรื่องการท่องเที่ยวและผู้อพยพแบบผิดกฎหมาย หรือว่าภาษาที่ใช้ก็ไม่ค่อยเหมือนกันในจังหวัดแม่ฮ่องสอน อาหารที่รับประทาน หรือวิถีชีวิตของแต่ละตน แจ๊สซี่เลยรู้สึกว่านี่คือความสวยงามและความแตกต่างแล้วอยู่ด้วยกันแล้วมันสมบูรณ์ แล้วแม่ฮ่องสอนคนอาจจะคิดว่ามันมีแค่หมอกหรือว่าบ้านรักษ์ไทย แต่แม่ฮ่องสอนมีมากกว่านั้นมาก ทั้งประเพณีทั้งคน แจ๊สซี่ชอบคน เป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดี ดังนั้นตอนมีแม่ฮ่องสอน แจ๊สซี่ พี่ไผ่ พี่เหมย พี่ใหม่ เอาอันนี้แหละ แจ๊สซี่จะนำเสนอให้ดีที่สุด”
คุณค่าของเวทีการประกวดนางงาม ที่ทำให้ตัดสินใจเลือก Miss Universe Thailand
แจ๊สซี่ : แจ๊สซี่มองว่า คุณค่าของการเป็นนางงามส่วนตัวในมุมมองผู้เข้าประกวด ทำให้แจ๊สซี่พัฒนาชีวิต พัฒนาความคิด บุคลิกมาก ตอนแจ๊สซี่ก่อนเข้าประกวด แจ๊สซี่ก็มีกิจกรรมทำ ตอนนั้นก็เรียนด้วย เข้าโปรแกรมเทรนเป็นศิลปิน แต่แจ๊สซี่มีวันหยุด แจ๊สซี่ตื่นมาแบบไม่มีเป้าหมายสักเท่าไรค่ะ ดังนั้นในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโต ขอบคุณที่แจ๊สซี่ได้เจอผู้หญิงหลายๆ ท่าน ในฐานะผู้ดูนะคะผู้ชม แจ๊สซี่มองว่าแม้ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ การที่คุณเทคอินข้อมูลโดยจิตใต้สำนึกโดยที่ไม่รู้ตัว คุณทำอีกแล้ว ผู้หญิง 50 คนกับ 50 โครงการบนเวที แม้ว่ากะเทยไทยชอบเปรียบเทียบนู่นนี่นั่น การที่คุณวิพากษ์วิจารณ์ คุณก็รู้แล้วก็ซึมซับข้อมูลไป ดังนั้นแม้ว่ามันอาจจะเราจะไม่ได้เขียนสาสน์ออกมา หรือเขียนเป็นสิ่งที่เป็นทางการเพื่อให้ผู้ชมอ่านผู้ชมดู แต่การที่คุณวิพากษ์วิจารณ์ ดูชุด ดูดีไซเนอร์ ดูผ้าไทย ดูหน้าผม หรือว่าดูโครงการ มันก็เป็นความรู้ที่คนดูก็ได้
“ถ้าพูดถึงเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แจ๊สซี่มองว่ามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เป็นเวทีที่ empower จริงๆ แจ๊สซี่เชื่อมั่นมาก ตอนแรกก็มีคำถามเอ๊ะบ้างในการประกวดนางงาม แต่เท่าที่แจ๊สซี่ได้สัมผัสเอง เราไม่ได้อยากเห็นคนอื่นล้ม แต่เราอยากทำดีที่สุดเพื่อตัวเราเอง ดังนั้นตอนถามมันมีดราม่าหลังฉากตอบเลยว่าไม่ มิสยูนิเวิร์สเป็นเวทีที่อยากให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าไปยืนในใจของผู้หญิงด้วยกันเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว หรือทรานเจนเดอร์ แจ๊สซี่ว่ามันจะมีวันหนึ่งแต่มันคือการ ยอมรับ มันคือการ empower ผลักดันโอกาสผู้หญิงที่มองว่าฉันเก่ง ฉันอยากมีพื้นที่ในสังคม อยากมีพื้นที่ในสื่อ ฉันอยากช่วย มันเหมือนเป็นพื้นฐานที่จะผลักๆ ผู้หญิงทุกคนขึ้นไป”
“ดังนั้นก็ต้องขอบคุณเวทีมิสยูนิเวิร์ส ที่ถึงแม้แจ๊สซี่มีชื่อเสียงในหนึ่งมุมแล้ว แจ๊สซี่ไม่เคยมีโอกาสพูด การที่แจ๊สซี่พูดเรื่อง Teacher เป็นครั้งแรกที่แจ๊สซี่พูด 30 วิต่อหน้าทุกคน ดังนั้นมันคือ เราต้องขอบคุณค่ะ”
ถึงน้องใหม่แต่ไร้ “ความกดดันไหม” ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนๆ นางงาม
แจ๊สซี่ : ไม่นะ คือหลายคนคิดว่าแจ๊สซี่กดดัน เพราะคิดว่าหนูมีอะไรต้องเสียหลายอย่าง แจ๊สซี่ว่าหนูไม่มีอะไรจะเสียเลย มีแต่เรื่องที่จะได้มากกว่า แจ๊สซี่มีเพื่อนใหม่ แจ๊สซี่มีประสบการณ์ใหม่ แจ๊สซี่เรียนรู้ที่จะพูดกับผู้คนที่มาจากหลายแบ็คกราวน์ ในชีวิตนี้แจ๊สซี่มองว่า โอกาสที่จะมาเจอผู้หญิงที่เข้มแข็งและเก่ง 50 คนในห้องเดียวกันคือคัดมาแล้ว มันยากมากๆ ดังนั้นไม่เครียดไม่กดดัน เพราะว่าทุกวันที่แจ๊สซี่กลับบ้านแจ๊สซี่มีความสุขที่ได้ตื่นมา เราเข้ากองแม้ว่ามันเหนื่อย ทุกคนอาจจะคิดว่าแจ๊สซี่ไม่เหนื่อย แต่แจ๊สซี่ก็เหนื่อย มันเหมือนเหนื่อยใจแต่แจ๊สซี่มีความสุข ที่จะเอาเอนเนอจี้ออกไปเพื่อให้คนอื่นยิ้ม แจ๊สซี่มีความสุขกับการที่ทำให้คนอื่นหัวเราะหรือการที่เราเต็มที่กับทุกอย่าง
“แจ๊สซี่ว่ามันเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้หญิงคนหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน สมมติแจ๊สซี่ได้มงมิสยูนิเวิร์สมา ยูต้องจัดปัญหาความรัก 1 เรื่อง ครอบครัว 1 เรื่อง การงาน 1 เรื่อง การพักผ่อน ชีวิตส่วนตัว แจ๊สซี่ไม่สามารถพักผ่อนน้อย ดังนั้นเอาอารมณ์มาใส่กับทุกคนได้ ถ้าฉันเป็นมิสยูนิเวิร์ส หัวฉันต้องดีแล้ว ต้องเคลียร์ความคิดทุกอย่างของฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม ฉันจะเป็นมิสยูนิเวิร์สเพื่อทุกคน ดังนั้นแจ๊สซี่ว่าการเก็บตัวในกองครั้งนี้เป็นอะไรที่ท้าทายค่ะ แต่ก็แสดงให้แจ๊สซี่เห็นว่า ฉันก็ทำได้”
“อยากบอกว่าแจ๊สซี่จะทำให้ดีที่สุด เชื่อมั่นในตัวเองว่าทำได้จริงๆ เชื่อว่านี่คือเวลาของแจ๊สซี่แล้ว ด้วยบริบทปีนี้ด้วย เขาต้องการซุปเปอร์สตาร์ ต้องการไอค่อน เป็นผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจ empower เป็นผู้นำ เราทำอย่างนั้นในชีวิตประจำวันแจ๊สซี่อยู่แล้ว ด้วยการที่เป็นศิลปิน ทำงานให้คุณพ่อ หรือว่าเป็นพี่สาว เป็นทั้งลูกเป็นอะไรอย่างนี้ เป็นทั้งนักศึกษา และทำงานในวัย 16 องค์ประกอบพวกนั้นมันอยู่ในตัวเรา และปีนี้มันมี MUT Shop มีคุณแอน จักรพงษ์ มีโปรดักซ์เยอะมาก นั่นมันคืองานของฉัน มันเหมือนมันถูกกำหนดมาแล้ว ดังนั้นคือคาดหวังได้นะ ว่าฉันทำทำสิ่งนี้ได้”
เป้าหมายของผู้หญิงที่ชื่อ “แจ๊สซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์”
แจ๊สซี่ : เป้าหมายเดียวของแจ๊สซี่คือเป็นผู้หญิง แจ๊สซี่จะกลับมามองวันหนึ่งในอนาคต ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว เธอทำให้ตัวเองภูมิใจ แฟนคลับภูมิใจ พ่อแม่ภูมิใจ และประเทศภูมิใจ เป็นอะไรที่ทัชแจ๊สซี่มาก หลายคนมองว่าแจ๊สซี่เป็นเด็กลูกครึ่ง แต่คุณแม่แจ๊สซี่พาแจ๊สซี่เข้าวัดตั้งแต่พูดไม่ได้ การที่แจ๊สซี่ซึมซับวัฒนธรรมไทย สวดมนต์ทุกบทได้โดยพื้นฐาน ภูมิใจที่จะเรียนเรื่องประวัติศาสตร์ของประเทศชาติของแต่ละจังหวัด มันเหมือนมันอยู่ในใจเรา
วันนึงถ้าแจ๊สซี่ได้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เคยมีความฝัน ว่าจะพูดคำว่าประเทศไทย แล้ววันหนึ่งแจ๊สซี่พูดได้ คืออยากให้คนดู กรรมการเชื่อว่าฉันทำได้จริงๆ ดังนั้นการเก็บตัวครั้งนี้คือพิสูจน์ๆๆ ไม่มีการกั๊ก ไม่มีการเล่นเกมส์เลย ทีมแจ๊สซี่คือยูทำได้แล้วยูทำ อันไหนทำไม่ได้ก็เรียนรู้ ยูไม่ใช่น้ำเต็มแก้ว แต่ในฐานะแจ๊สซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ อยากมีโอกาสนำเสนอผู้หญิงประเทศตัวเองว่าผู้หญิงประเทศไทยคือผู้หญิงที่มีคุณภาพ คือผู้หญิงที่มีคุณค่า คือผู้หญิงที่ฉลาด และรูปลักษณ์ภายนอกหนูอาจจะไม่เหมือน แต่ในใจหนูคือไทยไม่น้อยกว่าคนไทย 100% เลย ดังนั้นนั่นคือความใฝ่ฝันของหนู