เป็นอีกหนึ่งผู้เข้าประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 ที่ได้รับการจับตาเป็นอย่างมาก สำหรับ “กุ๊กกิ๊ก มาริษา พลธิราช” นางสาวไทยสกลนคร ที่เส้นทางนางงามของเธอคนนี้ผ่านมาแล้ว ทั้งเวทีระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับนานาชาติ ทำให้เธอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และพร้อมนำมาใช้ในการลงประกวดนางสาวไทยในปีนี้
กุ๊กกิ๊ก มาริษา เปิดใจกับทีม FEED แบบหมดเปลือกถึงเส้นทางในวงการนางงามของเธอที่มีมานานกว่า 10 ปี จุดเริ่มต้นมาจาก “คุณพ่อ” ของเธอเอง ที่ส่งลูกสาวขึ้นเวทีประกวดนางงาม จนทำให้เธอรู้สึกชอบและรักในเส้นทางนี้ พร้อมความใฝ่ฝันที่อยากจะใช้นามสกุลนางสาวไทย ส่งท้ายเส้นทางนางงามของเธอ
จุดเริ่มต้นเส้นทางนางงามเพราะ “พ่อ” ส่งประกวด
กุ๊กกิ๊ก มาริษา : คุณพ่อส่งประกวดตั้งแต่อายุ 15 ค่ะ (ยิ้ม) ประกวดเวทีตามอำเภอ แล้วปรากฏว่าเราก็ได้รางวัลมา แล้วก็ไปประกวดเรื่อยๆ จนกลายเป็นความชอบ เพราะเราได้เงินได้รางวัล แล้วมันเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เหมือนเราค้นพบตัวเองว่าเราชอบนางงามเราก็มาสายนี้ หนึ่งเลยคือตอนเด็กๆ จากใจเลยนะคะคือเราได้เงินรางวัล เหมือนกับว่าเราหารายได้ได้ด้วยตัวเอง แล้วพอไปเวทีที่สองที่สามมันก็ได้มาเรื่อยๆ แล้วเราก็ประสบความสำเร็จในด้านนี้ ก็เลยรู้สึกว่าโอเคเราพอจะมีแววแหละ ทีมงานช่วยส่งเรา แล้วเราก็ชอบด้วย ก็เลยเดินสายนางงามมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ
คือตอนนั้นไม่ได้มีการวางแผนกันเลยนะคะ คือด้วยความที่อำเภอเขาให้เป็นตัวแทนหมู่บ้านส่งขึ้นแต่ละหมู่บ้าน แล้วคุณพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ไม่รู้จะส่งใคร ก็ เอ้า ลองส่งลูกสาวไปละกัน ก็ปรากฏว่าไปได้รางวัลระดับอำเภอมา ซึ่งหมู่บ้านของกิ๊กมันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก หลังจากที่เราได้เงินได้รางวัลแล้ว ก็มีคนรู้จักหมู่บ้านกิ๊ก เยอะขึ้น ก็เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวหมู่บ้านเอง ตัวอำเภอเองด้วยค่ะ
นางงามเดินสายจากเวทีเล็กๆ สู่เวทีระดับโลก
กุ๊กกิ๊ก มาริษา : จนอายุ 19 ก็มีโอกาสได้ไปประกวดระดับประเทศเวทีแรกตอนอายุ 19 แล้วหลังจากนั้นอายุ 22 ก็เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดที่กัมพูชา ชื่อว่าเวที Miss Planet International 2019 ก็ได้รองอันดับ 1 มาที่หนึ่งก็คือแอฟริกาใต้ แล้วหลังจากนั้นปีที่แล้วล่าสุดก็ลองเปลี่ยนสายบ้าง เป็นสายโมเดล ก็เป็นเวที Top Model of the World 2022 เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดที่อียิปต์ที่ผ่านมานี่เองค่ะ
ตอนนี้กุ๊กกิ๊กมาอยู่ที่เวทีนางสาวไทย ซึ่งก็เป็นความฝันหนึ่งเลยที่อยากจะใช้นามสกุลนางสาวไทย เพราะว่าเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเวทีนางสาวไทยคือเกิดมาก็ได้ยิน แล้วเราก็อยากมีนามสกุลเป็นแบบ มาริษา พลธิราช นางสาวไทย อย่างนี้ค่ะ (ยิ้ม)
“นางสาวไทย” มาเพื่อส่งท้ายเส้นทางนางงาม
กุ๊กกิ๊ก มาริษา : จะบอกว่าตอนนี้อายุ 26 แล้ว เราได้ยินชื่อนางสาวไทยมาตั้งแต่เด็ก ก็อยากใช้นามสกุลนางสาวไทย มาริษา พลธิราช นางสาวไทย เสิร์ชในวิกิพีเดียก็ต้องเจอ มาริษา พลธิราช นางสาวไทย 2566 คือเป็นความฝันค่ะ ด้วยความที่กิ๊กชอบนางงามอยู่แล้ว แล้วนางสาวไทยเป็นหนึ่งในความฝัน เราก็อยากจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้เราจะประกวดมาหลายเวทีเยอะมากก็ตาม แต่ก็ยังอยากจะมาคอมพลีทในเวทีนี้ อยากจะสานฝันตัวเองให้ได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ที่สถาบัน เพราะว่ากิ๊กเป็นครูสอนบุคลิกภาพเนอะ อยากจะให้เด็กๆ เขาเห็นเราเป็นไอดอล อยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้เขาเห็นว่า ถึงแม้เราจะประสบความสำเร็จแล้วนะ เราได้ไปเป็นตัวแทนระดับประเทศนะ ได้รองหนึ่งระดับโลกมาแล้วนะ แต่เราก็ยังไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น เราก็ยังพัฒนาต่อเพื่อที่จะทำให้เขาดูว่าโอเค เราถึงจะประสบความสำเร็จ เราก็ยังอยากจะทำและเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อยๆ
“กิ๊กมองว่าทุกเวทีเขาให้โอกาส และบริบทมันต่างกัน เวทีนี้ก็จะต้องการคาแรกเตอร์อีกแบบหนึ่ง บริบทอีกแบบหนึ่ง อย่าง Top Model กิ๊กรู้ว่าโอเคเราไม่ใช่สายโมเดล แต่เราก็ยังเคยลองนะ เราได้ไป Top Model ได้รู้ว่าโมเดลระดับโลกเขาต้องการแบบไหนบ้าง แล้วก็เอามาส่งต่อรุ่นน้องต่อได้ แล้วกิ๊กเองรู้ตัวว่าตัวเองเหมาะกับนางงามที่เป็นนางงามจริงๆ คือเป็นนางสาวไทย ด้วยความที่อาจจะค้นพบคาแรกเตอร์ตัวเองด้วย ความชอบด้วย แล้วก็อย่างที่ว่าค่ะ การประกวดที่ผ่านมามันเหมือนเป็นการฝึกฝน ฝึกมาแล้วเราเอามาใช้เวทีนี้ให้มันเต็มรูปแบบ เต็มศักยภาพมาก มีชั่วโมงบินเยอะเราก็เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ (ยิ้ม)”
กุ๊กกิ๊ก มาริษา พลธิราช
เมื่อถามว่าเสียดายไหมที่มาประกวดตอนนี้ กุ๊กกิ๊ก มาริษา ตอบว่าเธอไม่รู้สึกเสียดายเลย และมองว่าการมาในตอนนี้ ในวัย 26 ของเธอ คือช่วงที่เธอรู้สึกว่าพร้อมที่สุดแล้ว
กิ๊กมองว่า 26 มันเป็นช่วงวัยที่กำลังตกผลึกกำลังดี ถ้าเกิดว่าย้อนไปที่กิ๊กอายุน้อยกว่านี้ กิ๊กอาจจะไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจอะไรต่างๆ ได้ด้วยตัวเองก็ได้ แต่ว่าอายุเท่านี้ด้วยประสบการณ์ที่มี กิ๊กมองว่ามันตกผลึกว่าโอเคเราจะต้องตัดสินใจทำอะไร เพื่ออะไร และมีมายด์เซ็ทที่มีเป้าหมายมากขึ้นค่ะ
ถามว่ากังวลไหม ก็มีบ้างค่ะมีบ้าง กังวลเพราะว่าเราคาดหวัง ไม่ได้กังวลเพราะว่าอย่างอื่นเลย เพราะว่าเราตั้งเป้าหมายไว้สูงสุดแหละแน่นอน เพราะว่าเรามาเราอยากจะยืนตรงนั้น แต่ด้วยความที่ตรงนั้นมันอาจจะทำให้เรารู้สึกกดดัน กลัวทำได้ไม่ดีเหมือนที่ซ้อมมา ก็จะพยายามค่ะ จอยให้มากที่สุด ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร ถ้าย้อนไล่เวลาไปอีก 10 ปีข้างหน้า แล้วก็ย้อนกลับมาดู กิ๊กก็จะไม่เสียดายที่ได้ทำวันนี้
การที่กิ๊กไปประกวดอินเตอร์มา คือเรารู้ว่าการเข้ากับชนชาติต่างๆ นางงามหลายชนชาติ เรารู้วิธีการเอาตัวรอด เรารู้วิธีการที่จะทำยังไง ให้เรายืนขึ้นมาให้มีแสง เราเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่าคนที่เขาอาจจะยังไม่เคยไป ซึ่งตรงนี้กิ๊กมองว่าเป็นจุดแข็ง ใช่ค่ะ แล้วก็ในเรื่องของเพอร์ฟอร์แมนซ์ พัฒนาบุคลิกภาพด้วย กิ๊กก็เรียนรู้มาโดยตลอด และเราก็พร้อมที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมให้ตรงกับบริบทให้มากที่สุด ก็คือไม่อยากทำตัวให้เป็นน้ำเต็มแก้ว พร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ถึงแม้เราจะเป็นครูเราก็ยังจะต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมนะ
ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ กิ๊กกิ๊ก มาริษา ค่ะ อยากจะขอบคุณมากๆ ที่ให้กำลังใจ กิ๊กก็จะทำให้เต็มที่ให้สุดความสามารถของกิ๊กเอง แล้วก็อยากจะทำให้ทุกคนเห็นว่า กิ๊กมาด้วยความตั้งใจจริงๆ มาด้วยใจรักจริงๆ ก็ขอบคุณมากนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวเป็นกำลังใจให้กิ๊กด้วยนะคะ