หากพูดถึงบุคคลสำหรับในแวดวงประกวดนางงาม แน่นอนว่าชื่อของ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” หรือแม่ปุ้ย แห่ง TPN Global ต้องโผล่ขึ้นมาอันดับต้นๆ ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ในการจัดการประกวดเวทีนางงามใหญ่ของประเทศไทยทั้ง 2 เวที อย่าง “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” และ “นางสาวไทย”
FEED มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับแม่ปุ้ย หลังผ่านศึกใหญ่อย่างการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 และกำลังเตรียมความพร้อมจัดการประกวดเวทีนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ 2566 ที่จะมีขึ้นภายในเดือนมีนาคมนี้ ถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็น ปุ้ย TPN Global ผู้ถือลิขสิทธิ์ในการจัดการประกวดเวทีนางงามทั้ง 2 เวที จนได้รับการกล่าวขานจากแฟนๆ นางงามว่าเป็นเจ้าแม่นางงามรุ่นที่ 2 และสิ่งไหนที่อยากพัฒนาวงการนางงามของไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้
จุดเริ่มต้นมาทำเวทีประกวดนางงาม
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : จุดเริ่มต้นแปลกประหลาดมาก ไม่เคยทำนางงามมาก่อน ได้แต่ดูแล้วเราก็ชอบ ในอดีตถ้าย้อนกลับไปเกือบ 30 ปี เคยทำเป็นพิธีกรช่องไทยสกายทีวี ช่วงนั้นทางบริษัทเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตัวแม่ปุ้ยเองก็ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร ซึ่งจะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับนางงาม อยู่หลังเวทีคอยรายงานเบื้องหลัง เป็นภาคสนาม ฉะนั้นมันทำให้เราต้องไปศึกษาเกี่ยวกับเวทีนางงาม
แล้วก็กลับมาทำอีกทีคือมิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่ TPN เป็นเจ้าภาพ ที่ทำเพราะว่าช่วงนั้นมีข่าวมาว่าประเทศไทยจะถูกยุติจากเจ้าที่รับทำครั้งแรก ทางองค์กรมิสยูนิเวิร์สก็จะประกาศว่าประเทศไทยไม่มีสิทธิ์ทำแล้ว ซึ่งดูจากเนื้อข่าวที่เขาจะนำเสนอ ยังไงประเทศไทยก็เสียชื่อ มันเหมือนกับเราไม่ทำตามสัญญา เพื่อนก็เลยชวนมาทำ ตอนนั้นผู้ใหญ่หลายคนแถลงข่าวไปแล้ว เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี มันออกไปในภาพลักษณ์ประเทศไทย เวลาคนเขาว่า เขาก็ไม่ได้ว่านาย ก ข ค เขาก็พูดถึงไทยแลนด์ มันก็เสียชื่อไปแล้วไหม ฉะนั้นเราก็เลยมาทำ แต่ว่าในการทำเรามีระยะเวลาแค่ 2 เดือนคือ ต.ค.-พ.ย แล้ว ธ.ค จัดเลย
แม้การทำงานจะขาดทุน แต่สิ่งที่ได้คือความภาคภูมิที่ได้สร้างชื่อให้ประเทศไทย
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : ถึงแม้การทำในแง่ธุรกิจมันจะไม่ได้กำไร แต่วันนั้นสิ่งที่เราได้คือชื่อเสียงของประเทศชาติ ทุกฟีดของการประกวดนางงามในโลกนี้ขึ้นเลยว่า Thailand The Best Ever ประเทศไทยถูกกล่าวขานเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เวที เพลง ข้าวเหนียวมะม่วง อาหารไทย พูดง่ายๆ ว่าปี 2018 5F ของเรามาเต็มหมดเลยนะ ถ้าเราย้อนไปดู VTR ที่ขึ้นไปทั่วโลก FOOD ไม่ต้องห่วงค่ะ นางงามเขาโพสต์ของเขา เช่นสวิตเซอร์แลนด์ เขากลับไปแล้วเขาโพสต์เป็นหน้ากระดาษลงในไอจีเลย ว่านี่คือสถานที่ที่สุดของการต้อนรับ ที่สุดของน้ำใจคนไทย ตอนนั้นเราจัดให้พักที่ดุสิตธานี เป็นการปิดตำนานโรงแรมดุสิตธานีที่ศาลาแดงก็เกริกไกรไปทั่วโลก เพราะทุกคนเดินมาช็อปปิ้ง เดินมากินลูกชิ้นหมูย่างริมถนน ที่สุดสตรีทฟู้ดของเราคือที่สุด
FIGHTING ฉากที่เราเอานางงามทั่วโลกนี้มาใส่ชุดมวยไทยแล้วโชว์ออกไปในท่าที่มันสวยงาม ก็เริ้ด FILM ไม่ต้องบอกเลยเราไปเที่ยวทุกที่ในโลกนี้เราบอกให้ทุกคนว่าประเทศไทยของฉัน เหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์ทุกประเภท สวยงาม FESTIVAL ก็ไปในจังหวัดต่างๆ เรานำเสนอเรื่องสงกรานต์ ปีใหม่ ลอยกระทง ครบหมด FASHION ผ้าไทยในงานกาล่าไนท์ ทั่วโลกตกตะลึงพรึงเพริด ผ้าไทยใน 94 ประเทศ รังสรรค์ด้วยผ้าไทยจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และดีไซเนอร์ไทยทั้งหมด ต่างชาติยอม เห็นไหมไปครบหมด
“แม่ปุ้ยถือว่าสิ่งที่เราได้มันคือความภาคภูมิใจ อย่างน้อยเราพูดได้เต็มปากหรือว่าใครจะเถียงว่า การทำในปี 2018 ไม่นับหน้าตาของตัวเอง คนอวย TPN ไปหมด อันนั้นไม่นับมันกินไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ TPN ภูมิใจไปชั่วลูกชั่วหลาน นั่นก็คือเราเป็นประชาชนตัวเล็กๆ เดินไปเดินมา แต่เราสามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติได้ขนาดนี้ ภูมิใจค่ะ”
ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก
การจัดประกวดเองครั้งแรกกับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 และนางสาวไทย 2022
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : สำหรับ 2019 มันต่อเนื่องจาก 2018 แน่นอนมันเหมือนคนที่ขี่หลังเสือ 2018 ทำไว้ขนาดนั้น แต่อันนั้นก็พูดได้ว่ามันระดับโกลบอล แต่ว่าพอ 2019 เป็นปีที่กระแสการดูนางงามมันเปลี่ยนโฉมการจัด ทุกประเทศลุกขึ้นมาปฏิวัติการจัดในประเทศตัวเอง เราก็เลยทำขึ้นมาตั้งแต่ 2019 โควิดเข้าปลาย 2019 พอปี 2020-2021 ในขณะที่หลายๆ ประเทศถอดใจเลิกทำ แต่ทำไม TPN ถึงต้องตะเกียกตะกายจัด เพราะหนึ่งเราต้องการให้โลกรู้ว่าการจัดการระบบโควิดในประเทศไทยของเราใช้ได้ สองภายใต้ระบบที่เราทำ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มนุษย์ต้องหาวิธีเอาชนะมันให้ได้ โควิดมาเราทำอย่างไร เรามีกระบวนการกลั่นกรอง มีกระบวนการควบคุมตามที่สาธารณสุขได้กำหนดไว้
แม้ปี 2021 ปีแอนชิลี เราจะต้องย้ายที่จัดจนปวดหัว เพราะนโยบายหน่วยงานรัฐของแต่ละหน่วย อันนี้ให้จัด อันนี้ไม่ให้จัด เลยต้องไปพัทยา แล้วความยิ่งใหญ่ทุกคนยังเห็นกับ CG ที่เราทำ มันอลังการในยุคที่โลกกำลังเจอภัยพิบัติ แต่โลกก็น่ารักโลกก็ชื่นชมเรา เหมือนเป็นจังหวะที่ไม่มีใครจัดแล้ว เราจัดให้เห็นเลยว่ามันสนุก ก็เป็นไปตามคาด
อย่าง “นางสาวไทย” เราได้รับคำเชิญชวนจากทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรามีความรู้สึกว่านางสาวไทยเป็นอีกหนึ่งเวทีที่มีความเก่าแก่ เป็นเวทีอันดับหนึ่งอันดับแรกมาถึงปัจจุบัน มีความรู้สึกว่ามีความขลัง มีความเป็นซิกเนเจอร์ของเขา เราก็เลยตอบตกลงว่าเราจะไปทำ แต่การไปทำ TPN ก็มีบริบทเป็นของตัวเองชัดเจน ถ้าอยากจะฟื้นคืนชีพหรืออยากจะทำให้ดังกลับมาอยู่ในหัวใจคนไทยได้อีก ก็ต้องหารือกัน ถ้าให้เราไปทำแล้วทุกอย่างไม่มีซิกเนเจอร์ของ TPN เราก็ไม่ทำ แต่ทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธน่ารักมาก ซัพพอร์ตและสนับสนุน TPN มันก็เลยกลับไปสู่ปีแรก ครั้งที่แล้วเราได้เห็นแล้ว
2 เวที 2 ความแตกต่างทางบริบท
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : นางสาวไทยแน่นอนว่า Local สู่เลอค่า วันนี้เราทำสำเร็จแล้ว เราย้อนกลับไปทำเหมือนในสมัยอดีต ปีนี้โจทย์ของเราเห็นชัดเจน ทุกจังหวัดเอาของดีเอาตำนานของแต่ละจังหวัดมาฟาดกันเลย มาถึงมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ อันนี้ไม่ต้องบอกเลยค่ะเราต้องการนำทุกอย่างของไทยแลนด์ก้าวไปสู่ One Universe คือยูนิเวิร์สใหญ่ ปีที่ผ่านมาเราทำสำเร็จแล้วค่ะ เราทำให้ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้ารอบ แต่เราทำสำเร็จในแง่ที่ว่าชื่อของไทยแลนด์และเป้าหมายของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของไทยแลนด์
เจ้าแม่นางงามรุ่น 2
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : ไม่ถือว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่เลยค่ะ(หัวเราะ) ก็เป็นคนทำงาน เป็นแม่ของลูกๆ ตอนนี้ไปไหนมีลูกเยอะมากนะคะ ดีใจที่เด็กๆ เขามอบความไว้วางใจเราเหมือนเป็นคุณแม่อีกคนหนึ่งในวงการ ก็มีความรู้สึกว่าอบอุ่นใจแล้วก็ส่งความรักกลับไปให้ทุกคนที่นับถือเรา บางทีไปนั่งกินข้าวเด็กก็เข้ามาสวัสดี เข้ามาถ่ายรูปด้วย คิดดูว่าเราก็ไม่ใช่ดาราไม่ใช่ซุปตาร์ แต่เขาอุตส่าห์ให้เกียรติเรามาถ่ายรูปกับป้าคนนี้ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
ในฐานะคนทำเวทีนางงาม สิ่งไหนที่อยากพัฒนา-ปรับเปลี่ยน
ปุ้ย ปิยาภรณ์ : สิ่งที่อยากปรับเปลี่ยนที่สำคัญๆ อันที่หนึ่งอยากปรับเปลี่ยนทัศนคติความเป็นไทยของเราให้มันเป็นพลเมืองโลกมากขึ้น ซึ่งอันนี้มันก็ปรับที่ตัวนางงามอย่างเดียวไม่ได้หรอก มันต้องพูดตั้งแต่ระบบการศึกษาเลย มันต้องเปลี่ยนแล้ว ให้เด็กมาท่องจำอยู่ได้ สอนให้เขาค้นคว้าบ้างซิ ถูกปะ เราไม่ได้บอกของเราไม่ดีนะ ของเราก็ดีแต่มันดีไม่พอกับโลกสมัยปัจจุบันที่ความไวแสงมันปรู๊ดปร๊าด เราต้องให้เด็กสืบค้นเป็น อยู่รอดด้วยตัวเองอันนี้สำคัญ ให้มันมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลอยู่ในสายเลือด อยู่ในกระบวนการคิดมากขึ้น
แล้วทำยังไง ฝึกให้เด็กมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำไมที่เราบอกว่านางงามเราตายไมค์หมดเพราะอะไร เพราะว่าเราไม่ฝึกเลย อยากให้นางงามมีความเชื่อมั่นในตัวเองขึ้น แล้วก็ฝึกคิดฝึกพูด เพราะในที่สุดแล้วเวทีนางงามต่อไป ก็จะเป็นเวทีที่ใช้ศักยภาพทางสมองเข้ามาวัดด้วยแน่นอน. ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าว