ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก หากอยากย้อนไปขุดหนัง หรือซีรีส์ สายโรแมนติกทั้งหลายมาดู เราจะพบว่า สิ่งที่ผู้กำกับ หรือดารา ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราว สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนสะท้อนความผูกพันระหว่างคนสองคน (หรือสามคน) ออกมาเป็นเรื่องราวหลากหลายรูปแบบนั้น สามารถส่งพลังให้ผู้ชมอย่างเราๆ ได้ใจฟู จิกหมอนอย่างอิ่มเอม
หรืออาจปวดตับ น้ำตาท่วม ไปกับชะตากรรมความรักของตัวละครเหล่านั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะถึงที่สุดแล้ว “ความรัก” มีมากนิยามเสียเหลือเกิน อีกทั้งไม่ได้สุขสมหวัง จะได้ครองคู่อยู่กันอบอุ่นยืนยาวตลอดไปเสียเมื่อไหร่
หนังช่างคิด ขออนุญาตมัดรวม แบ่งกลุ่ม ซีรีส์, ภาพยนตร์ ที่อยากแนะนำให้ลองชิม เชื่อว่าเป็นรสชาติเฉพาะตัวแน่นอน
เซ็ตที่ 1 งดงามและเจ็บปวด
เริ่มกันที่ 5 ซีรีส์เกาหลี แนวรักทรหด เส้นทางรันทด จนนำไปสู่บทสรุปที่ จบแบบเจ็บ เหมาะมากสำหรับผู้เสพติดความเจ็บปวด…ไม่สมหวัง แม้ในระหว่างทางความสัมพันธ์ของพวกเขาและเธอจะมีแง่มุมที่งดงาม ดีต่อใจครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
Mr.Sunshine : สุภาพบุรุษตะวันฉาย (2018)
การต่อสู้เพื่อความรักอันหนักหน่วง รักเธอ รักเขา รักเพื่อน รักชาติ ฯลฯ เป็นงานที่ได้รับคำชื่นชม และเรตติ้งสูงน่าพอใจ ถือเป็นเรือธงสร้างชื่อใน Netflix อีกด้วย
My Mister (2018)
วิศวกรหนุ่มใหญ่ใจซื่อ มั่นคงในความดีและมองชีวิตอย่างมีความหวัง แม้ต้องเผชิญมรสุมชีวิตทั้งจากหน้าที่การงานและครอบครัว ได้พบและพยายามโอบอุ้มเด็กสาวแสนอาภัพ ที่ชีวิตหม่นมืด ถูกกระทำจากผู้คนและสังคมจนกลายเป็นปมในใจ รับประกันความเครียด หน่วง อึน ตั้งแต่เริ่มยันจบ
Twenty Five Twenty One (2022)
ความรักที่ค่อยๆ เติบโตตามวัยของ หนุ่มสาวคู่หนึ่ง ผ่านอุปสรรค ผ่านการเรียนรู้ บนเส้นทางที่ต้องประคับประคองความสัมพันธ์ไปพร้อมกับเดินตามความฝัน เอาชนะปมที่แต่ละคนมี ก่อนที่จะก้าวผ่านไปสู่ชีวิตจริงที่ไม่ลงตัวหรือเอาใจผู้ชมสักเท่าไหร่
My Liberation Notes (2022)
เล่าเรื่องความรักที่คล้ายเมล็ดพันธุ์แสนแกร่ง สามารถแทรกตัวเติบโตขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางองค์ประกอบแวดล้อมที่ไม่เอื้อเอาเสียเลย ไอ้หนุ่มนิรนามที่เข้ามาเป็นลูกน้องเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วจุดติดกับลูกสาวคนกลาง ทั้งๆ ที่ลูกบ้านนี้ ล้มเหลวเรื่องความรักกันเป็นเรื่องปกติ แต่เส้นทางของพวกเขาเหล่านั้น ก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่เจ็บปวด
Our Blues (2021)
เรื่องราวความรักหลายคน หลายคู่บนเกาะเชจู พ่อค้าเร่กับสาวลูกติดที่ซึมเศร้า-หย่าร้าง, พ่อค้าปลาสุดหล่อกับสาวประดาน้ำ, อดีตกิ๊กสมัยมัธยมที่เกือบๆ จะกลับมาสุมถ่านไฟเก่า ฯลฯ แต่ละเรื่องราวล้วนสะท้อนชีวิตจริงที่มีตำหนิ ไม่มีหรอกความสมบูรณ์แบบ ขึ้นอยู่กับว่า จะฟันฝ่าผ่านมรสุมในยามฟ้าสีหม่นไปได้อย่างไรเท่านั้นเอง
เซ็ตที่ 2 รักไร้พรมแดน
ภูมิใจนำเสนอ 5 เรื่องรักไร้พรมแดนที่นำเสนอเรื่องราวของ LGBTQ ได้อย่างงดงาม ทรงพลัง เป็นหมุดหมายที่อ้างอิง และเชื่อมต่อให้สังคมรับรู้ ยอมรับรูปแบบความสัมพันธ์ที่มิได้ตายตัวอยู่เฉพาะกับ ชายจริง-หญิงแท้ เท่านั้น
Brokeback Mountain : หุบเขาเร้นรัก (2006)
เมื่อคาวบอยหนุ่ม 2 คนได้มีโอกาสมาทำงาน ใช้ชีวิตใกล้ชิดกันในฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งหนึ่ง ใกล้เทือกเขาโบร๊กแบ็ก ในไวโอมิง ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปสู่ความรัก ที่ต้องซ่อนเร้น ในเมื่อยุคสมัยนั้นสังคมยังไม่อนุญาตให้ความรักของพวกเขามีที่อยู่ที่ยืน
Call me by your name (2017)
หนุ่มอเมริกัน เดินทางมาพักร้อนที่คฤหาสน์เล็กๆ ในเมืองทางตอนเหนือของอิตาลี ที่นี่เองเขาได้พบกับเด็กหนุ่มวัย 17 ที่รักดนตรี รักการอ่าน แถมยังมีแฟนสาวอยู่แล้ว แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน แรงดึงดูดลึกลับก็ทำให้ทั้งสอง พัฒนาความสัมพันธ์ ที่จะเปลี่ยนชีวิตไปในอีกทิศทางหนึ่ง
Blue is the Warmest Colour (2013)
เด็กสาวในวัยสับสน ค้นพบความต้องการที่แท้จริงของหัวใจตัวเอง และกล้าพอที่จะเริ่มสานสายสัมพันธ์กับสาวอีกคนหนึ่งที่เธอรู้สึกได้ว่า คือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตมีความหมาย นำไปสู่ความรัก ความสุข ตลอดจนการเรียนรู้ในหลายๆ แง่มุมที่ทำให้เติบโต เข้มแข็งไปอีกขึ้นหนึ่ง
Moon Light (2017)
Chiron เด็กชายผิวสี ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่กับแม่ ที่มีอาชีพเป็นโสเภณีและติดยา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายมีแค่ Kevin เด็กวัยเดียวกันที่คอยช่วยเหลือ และเป็นคนพิเศษสำหรับเขา หนังเล่าเรื่องผ่านช่วงวัยแห่งการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของ Chiron แต่ความความรู้สึกกับคนพิเศษกลับมั่นคงเสมอมา
รักแห่งสยาม (2007)
เรื่องราวความรักของ “โต้ง” และ “มิว” ในภาพยนตร์ รักแห่งสยาม กลายเป็นเสมือนหมุดหมายสำคัญที่เปิดประตูให้เรื่องราวของความรักที่ไม่จำกัดเพศสภาพ ได้มีที่ยืนในสังคมไทยอย่างมั่นคง แข็งแรงสืบมา
เซ็ตที่ 3 รอยร้าวราน
หากยังไม่อิ่มรักกับ 2 เซ็ตที่จัดไป แนะนำให้สายฮาร์ดคอร์ ลองไปขุด 5 หนังรักแสนร้าวราน เหมาะมากสำหรับคนที่อกหัก รักคุด เลิก เท จะได้ดูเพื่อทำความเข้าใจกับสภาพรัก และความสัมพันธ์ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว “คำว่ารักคงยังไม่พอ” ต่อให้พยายามผูกมัดกันด้วยองค์ประกอบอื่น (เซ็กส์, ลูก ฯลฯ) แต่เมื่อสุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ คน 2 คนที่เคยรักกันอาจร้ายเข้าใส่กันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
Blue Valentine (2010 )
A Separation (2011 )
Marriage Story (2019 )
ฮาวทูทิ้ง ( 2019)
500 Days of Summer (2009)
เซ็ตที่ 4 เหงา เศร้า หว่องๆ
ทิ้งท้ายก่อนจากด้วยหนังรักอีกเซ็ตหนึ่ง ซึ่งคงให้คำนิยามได้ว่าเป็นแนว หนังรักเหงา เศร้า หว่อง (เป็นหนังของเฮีย หว่อง กาไว ซะ 2 เรื่อง) คนโสด คนเศร้า ดูแล้วรับประกันว่า ยิ่งเหงาจับใจ แม้ว่าจะอยู่กลางเมืองใหญ่หรือท่ามกลางผู้คนมากมายก็ตามเถอะ
Her (2013)
Leaving Las Vegas (1995)
Chungking Express (1994)
Lost in Translation (2003)
In the Mood for Love (2000)
**รายชื่อภาพยนตร์, ซีรี่ส์ ในบทความเกือบทั้งหมด ดูได้ทาง Netflix