เทศกาลวันคริสมาสต์เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองของใครหลายคน แต่กลับกันกลายเป็นวันที่เขาปวดร้าวมากที่สุด เป็นเทศกาลแห่งความสุขที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล กับภาพยนตร์ดราม่าแบบหนักหน่วงส่งท้ายปีส่งตรงจากประเทศเกาหลี “Christmas Carol คริสต์มาสแค้น”
“Christmas Carol คริสมาสต์แค้น” ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายดราม่าอาชญากรรมที่ขายดีของ “จูวอนกยู” นำมาเรียบเรียงเล่าเรื่องใหม่ในรูปแบบของภาพยนตร์ ผ่านการกำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับสายทริลเลอร์มากความสามารถอย่าง “คิมซองซู” ที่เคยสร้างชื่อไว้ให้กับภาพยนตร์ “Running Wild”
“Christmas Carol” เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ หลังเจ้าหน้าที่พบศพเด็กหนุ่ม “จูวอลอู” รับบทโดย พัคจินยอง ผู้พิการทางสติปัญญาที่เสียชีวิตในแทงก์น้ำ และมีรอยบอบช้ำตามร่างกาย แต่เจ้าหน้าที่กลับแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นอุบัติเหตุ ทำให้พี่ชายผู้เป็นฝาแฝด “จูอิลอู” รับบทโดย พัคจินยอง ที่เต็มไปด้วยความคับแค้น และตามล่าสืบหาสาเหตุในคืนนั้น เพื่อชำระล้างแค้นให้กับน้องชาย นำแสดงโดย พัคจินยอง (Park Jin-Young), คิมยองมิน (Kim Young-Min), คิมดงฮวี (Kim Dong-Hwi), ซงกอนฮี (Song Geon-Hee) และ ฮอดงวอน (Heo Dong-Won)
ความยาวหนังกว่า 2 ชั่วโมงนิดๆ กับความดาร์กที่กระชากใจคนดูเกือบตลอดทั้งเรื่อง ความรู้สึกที่ประดังเข้ามาและปนไปด้วยความลุ้น ความอึดอัด เรื่องราวที่ตีแผ่ในหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม การใช้ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ และอีกมากมาย ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการเล่า แต่ดูเหมือนว่ายิ่งการจับเรื่องราวใส่ไปมากเท่าไหร่ ความน่าสนใจของการเล่าเรื่องค่อนข้างดรอปลงในระดับนึง พล็อตเรื่องค่อนข้างเดาง่ายไปหน่อย แต่ก็รับรู้ได้ถึงการเล่าเรื่องที่จะทำให้คนดูเขวตามในตอนท้าย ส่วนเรื่องของความดราม่าถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว บวกกับองค์ประกอบภาพในบางมุมที่เข้ากับอารมณ์ตัวละคร เรียกได้ว่าสามารถดึงอารมณ์คนดูให้ดิ่งตามตัวละครได้ดี
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพูดถึงใน “Christmas Carol” คือนักแสดง “พัคจินยอง” ที่ต้องยกเครดิตให้เขาคนนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นเดอะแบกของหนังเรื่องนี้ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นบทฝาแฝด “จูวอลอู” และ “จูอิลอู” ที่สวิตซ์คาแรคเตอร์ทั้งสองตัวละครได้สมบทบาทมาก รวมถึงการปรับลุคด้วยการตัดผม แต่มากไปกว่านั้นคือการที่ “พัคจินยอง” สามารถพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักแสดง และทำให้คนดูลืมภาพจำความเป็นไอดอล หรือ จิงยอง GOT7 ไปโดยสิ้นเชิงแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ เชื่อว่าคนดูหากได้ติดตามผลงานการแสดงก่อนหน้านี้ของเขาในหลายๆ เรื่อง จะรับรู้ได้ถึงการพัฒนาและความทุ่มเทให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ และถือเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับ masterpiece ที่จินยองภาคภูมิใจอีกเรื่องนึงอย่างแน่นอน ในส่วนข้อคิดที่ “Christmas Carol” ต้องการสื่อให้คนดูจากหนังเรื่องนี้คงเป็นเรื่องของการให้ความสำคัญกับคนรอบตัวที่มองข้ามไป และไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร อาจจะคิดว่าเพียงเพราะเขาแค่ไม่เหมือนใคร แต่ก็อาจจะลืมไปเช่นกันว่าภายใต้ความรู้สึกของคนทุกคนมีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกัน ถึงวันนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกที เราก็สูญเสียเขาคนนั้นไปตลอดกาล