จะเกิดอะไรขึ้นหากทุกคนชื่อ “แอน” และกำลังถูก “เวติโก ปีศาจหัวกวาง” ไล่ล่า!
“แอน” ตัวจริงเท่านั้นถึงจะรอดไปจากที่นี่ แล้วใครคือ “แอน” !?
ภาพยนตร์ดราม่าลึกลับระทึกขวัญแห่งปี “Faces of Anne | แอน” จากค่าย M Pictures กำกับและเขียนบทโดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้กำกับฝีมือดี ที่เคยฝากผลงานในวงการภาพยนตร์เอาไว้มากมาย อาทิ สยิว (2546) เฉิ่ม (2548) กอด (2551) ตั้งวง (2556) Snap (2558) และ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า (2562)
โดยปีนี้ คงเดช กลับมาปั้นผลงานเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่อง Faces of Anne | แอน ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกในชีวิตและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมากกว่าเดิมหลายเท่า
ในส่วนของทีมงานนักแสดงได้รวบรวมนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการภาพยนตร์ไว้มากมาย นำโดย “ออกแบบ” ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง เจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหลายเวที อาทิ สุพรรณหงส์ ชมรมวิจารณ์บันเทิง สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ฯลฯ จากภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง (2560) นอกจากนี้ยังมี “มินนี่” ภัณฑิรา พิพิธยากร เจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเวทีสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 29 จากภาพยนตร์เรื่อง แสงกระสือ (2562)
รวมไปถึง 2 นักแสดงจากวงไอดอลกรุ๊ปชื่อดัง BNK48 อย่าง เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ และ “มิวสิค” แพรวา สุธรรมพงษ์ ที่เคยคว้ารางวัลจากงานประกาศทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วหลายเวทีกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า และในปีนี้พวกเธอทั้งคู่หวนกลับมาร่วมงานกับคงเดชเป็นครั้งที่ 2
FEED ได้รับเชิญให้ไปร่วมพูดคุยกับ มิวสิค หนึ่งในนักแสดงผู้รับบท “แอน” ในหลากหลายแง่มุม พร้อมทั้งเล่าเบื้องหลังบรรยากาศการถ่ายทำ Faces of Anne แอน และประสบการณ์จากการแสดงที่ทำให้ตัวเธอเติบโตขึ้นในแวดวงภาพยนตร์
บทบาท “แอน” ชาเลนจ์ตัวเอง เพราะไม่ได้เล่นกับความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เรากำลังกลัวสิ่งที่มันเป็นตัวเรา
มิวสิค : จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าสิคเคยเล่นภาพยนตร์เรื่อง Where We Belong กับพี่คงเดชมาก่อนหน้านี้แล้วค่ะ มันก็เลยเป็นฟิลลิ่งที่เราคุยกับพี่คงเดชแล้วอาจจะเป็น inspiration ให้กับพี่คงเดชด้วยเล็กๆ น้อยๆ เขาก็เลยรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ้าได้มาทำงานร่วมกันอีกก็คงจะดีค่ะ
จริงๆ แล้วทุกคนล้วนรับบทเป็นแอนค่ะ แล้วสิคก็อยู่ในองก์ที่เรียกได้ว่ายังไม่รู้เลยว่าตัวเราคือใครมากกว่า รู้แค่ว่าแอน แล้วเราก็เชื่อใจใครไม่ได้ค่ะ สปอยล์ได้แค่นี้เลยจริงๆ
ภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ก็คือเรื่อง เทอมสอง สยองขวัญ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องผีเหมือนกัน แล้วสิคก็รับบทเป็นคนเห็นผีค่ะ ก็เล่นกับความกลัวเหมือนกันทั้ง 2 อย่างเลย แต่ว่า “เมษา” ที่เรารับบทตอนเทอมสอง สยองขวัญ ก็จะกลัวผีใช่ไหมคะ แต่ว่าในเรื่องนี้เราดันกลัวสิ่งที่เราไม่รู้มากกว่า เรากลัวทั้งตัวเอง เรากลัวทั้งสิ่งที่กำลังไล่ล่าเรา รู้สึกว่ามันเป็นความชาเลนจ์ เราไม่ได้เล่นกับความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นนะ แต่เรากำลังกลัวสิ่งที่มันเป็นตัวเราค่ะ แล้วทำไมเราถึงกลัวล่ะ
Faces of Anne ผลงานที่ลงตัวของ “คงเดช” หวังสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับประเทศไทย
มิวสิค : หนูว่าทุกคนน่าจะว้าวตั้งแต่รู้ว่ามีนักแสดงทั้งหมดกว่า 20 คนแล้วค่ะ รวมไปถึงทุกคนเป็นแอนเหมือนกันด้วย แต่ว่าสำหรับสิคมันน่าสนใจตรงที่เทคนิคการถ่ายทำ หรือว่าในเรื่องแสงสีเสียง หรือว่าการนำความแฟนตาซีตรงนี้มาเล่าเรื่องในแบบที่เป็นพี่คงเดช ปกติเขาจะเล่าเรื่องที่มันค่อนข้าง deep แล้วก็เป็นแนวแบบว่าพูดถึงสังคมใช่ไหมคะ
แต่ว่าในรอบนี้สิครู้สึกว่าพี่คงเดชเอาความเป็นตัวเองมาใส่กับภาพยนตร์ที่มันค่อนข้างจะมีความแบบเหนือธรรมชาติ หนูรู้สึกว่ามันเป็นผลงานที่ลงตัวมากๆ เขายังไม่สูญเสียความเป็นเขาค่ะ แต่เขาสร้างสิ่งที่มันแปลกใหม่ได้อีกให้กับประเทศไทย สิคเลยรู้สึกว่าแฟนๆ หลายคนควรจะไปดู แล้วก็รู้สึกว่าทุกคนน่าจะได้อะไรกลับมาหลังจากดูค่ะ
เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงเยอะ เราเลยไม่ค่อยได้มีโอกาสไปคุยกับพี่คงเดชเหมือนที่คุยใน Where We Belong ค่ะ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าความละเอียดของเขายังคงเหมือนเดิมเลย รวมถึงรอบนี้มีความละเอียดมากกว่าเดิมด้วย เพราะว่าตอน Where We Belong มันจะเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเด็กใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเขาก็จะปล่อยให้เราได้มีโอกาสเล่นตามอิสระ หรือว่าเป็นธรรมชาติของเรา
แต่ว่าในรอบนี้มันเป็นอะไรที่แบบเหนือธรรมชาติ เขาเลยต้องใส่รายละเอียด ใส่ดีเทลกำชับเรามากกว่ารอบที่แล้วค่ะ เหมือนเราจะไม่ได้มีอิสระมากเท่ารอบที่แล้ว รอบนี้คือเขาเหมือนมีภาพเอาไว้แล้ว และเขาต้องการให้มันเป็นแบบนั้นค่ะ ก็เลยยากหน่อยๆ
การแสดงภาพยนตร์ทำให้เรามีโอกาสเป็นคนอื่น และให้อะไรเรามากกว่าแค่ประสบการณ์
มิวสิค : สิคชอบการแสดงตรงที่มันไม่ได้เป็นตัวเราค่ะ พอได้รับบทหลายๆ แบบโดยที่มีช่วงอายุที่มันแตกต่างกัน หนูรู้สึกว่ามันเป็นความท้าทายที่ดีสำหรับตัวเราด้วยซ้ำ บางทีสิคก็รู้สึกว่าการแสดงมันทำให้เรามีได้โอกาสเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา แล้วก็ได้มีโอกาสเรียนรู้ความคิดหรือว่าสิ่งที่ตัวละครคิด หรือว่าความในใจหลายๆ อย่างที่ตัวเราเองอาจจะไม่เข้าใจ แต่ว่าพอเป็นตัวละคร แล้วเราอาจจะเข้าใจ
หนูเลยรู้สึกว่าภาพยนตร์มันให้อะไรเรามากกว่าแค่ประสบการณ์ แต่มันทำให้เราได้เข้าใจคนหลายคนหรือว่าทำให้เราได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง สถานการณ์ที่มันแตกต่างมากขึ้นด้วยค่ะ
บทพิสูจน์ย่างก้าวสำคัญของนักแสดงหน้าใหม่ ทุกคนจะได้เห็นว่านักแสดงหญิงไทยมีคุณภาพ
มิวสิค : สำหรับภาพยนตร์ในเรื่องแอน อาจจะไม่ได้ยากในเรื่องการปรับตัวค่ะ แต่ว่าอาจจะยากในเรื่องของการเข้าถึงตัวละครมากกว่า เพราะอย่างที่บอกไปว่า เราไม่ค่อยได้มีโอกาสมากลัว ยิ่งในเรื่องนี้เราต้องมากลัวในสิ่งที่มันกำลังจะฆ่าเรา ในชีวิตนี้มันจะมีสักกี่ครั้งที่เราจะเข้าใจความรู้สึกว่าเรากำลังจะตายอะไรแบบนี้ แล้วพอได้มารู้สึกจริงๆ เราเลยรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ในชีวิตนี้เราอาจจะไม่เคยรู้สึกแบบนี้ก็ได้ค่ะ สัมผัสความรู้สึกที่รู้สึกว่า เออ..เรากำลังจะถูกฆ่า
จริงๆ แล้วสิครู้สึกว่าหลายๆ คนก็อาจจะเห็นแค่บุคคลที่เป็นแถวหน้าของวงการอะไรแบบนั้นใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้วในภาพยนตร์เรื่องนี้เรามีแอนมากกว่านั้น ก็คือมีคนที่อาจจะเป็นผลงานเดบิวต์เรื่องแรกของเขาด้วยซ้ำ หรือว่าหลายๆ คนที่อาจจะเห็นหน้า แต่ว่าไม่เคยรู้จักชื่อเขา
หนูรู้สึกว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ้าเกิดไม่ได้รวมในเรื่องของเนื้อเรื่องนะคะ รวมเฉพาะตัวนักแสดง สิครู้สึกว่าทุกคนอาจจะได้เห็นว่านักแสดงหญิงไทยมีคุณภาพมากกว่าที่ทุกคนรู้จัก เหมือนบางคนอาจจะรู้จักแค่ว่าคนนี้เก่งๆ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่จะได้เห็นเลยว่าคนนี้ก็เก่ง คนนั้นก็เก่งอะไรแบบนี้ คิดว่าน่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักแสดงไทยได้มีพื้นที่บนเวทีว่าคนนี้อาจจะเป็นคนที่กำลังจะก้าวมาในเวทีการแสดงยุคต่อไปก็ได้
แต่หนูรู้สึกว่าสุดท้ายการแสดงมันก็เป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้ค่ะ มันเป็นเหมือนลายเซ็นเฉพาะตัวอะไรแบบนี้ ก็เลยรู้สึกเหมือนเราได้ไปเก็บความประทับใจ ได้ไปเก็บแรงบันดาลใจ ได้ไปเรียนรู้ประสบการณ์ แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราจะเอามาเป็นของตัวเองไม่ได้ เหมือนได้ไปดูว่าคนเก่งๆ เขาทำงานยังไงมากกว่า
ทำงานกับ “คงเดช” ไม่เชิงว่าได้วิชา แต่ผู้กำกับรายนี้ยังเปรียบเสมือนคุณพ่ออีกคน
มิวสิค : เวลาหนูคุยกับพี่คงเดชจะไม่เชิงว่าได้วิชาค่ะ แต่ว่าเรามักจะมานั่งจับเข่าคุยกันเรื่องชีวิต หรือว่าเรื่องปรัชญาอะไรต่างๆ หรือว่าตั้งคำถามอะไรบางอย่างที่ในชีวิตนี้เราอาจจะเคยรู้สึก แต่เราพูดมันออกมาไม่ได้
หนูรู้สึกว่าพี่คงเดชเป็นเหมือนคุณพ่อ หนูสามารถพูดเรื่องต่างๆ ที่หนูไม่เข้าใจในตัวเอง แล้วหนูมาปล่อยให้พี่คงเดชได้คิดวิเคราะห์ไปพร้อมกัน หนูเลยรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้รู้จักว่าชีวิตมันเป็นยังไงมากกว่าค่ะ
ร่วมกันไขปริศนาไปพร้อมกัน Faces of Anne แอน 13 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
มิวสิค : สิครู้สึกว่ามันอาจจะไม่น่ากลัวเท่าที่ทุกคนคิดไว้ค่ะ อาจจะเป็นว่าเราได้รู้จักคนคนนี้มากขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้มากกว่า เหมือนไขปริศนาไปพร้อมกันมากกว่า ที่เราจะรู้สึกว่าถูกไล่ล่าค่ะ หรือว่าจริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มันอาจจะเป็น 2 แง่เลยก็ได้ แง่ที่คนอยากเข้าไปดูเอามัน แค่อยากดูการถูกไล่ล่า กับกลุ่มคนที่อาจจะอยากเข้าไปดูเพื่อที่เราอาจจะได้แนวคิดอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้ สิครู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่สามารถมองได้ทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
ภาพยนตร์เรื่อง Faces of Anne สำหรับสิคก็เป็นภาพยนตร์ที่ทีมงานทุกคนตั้งใจทำมาก รวมไปถึงนักแสดงหลายๆ คนด้วย ก็อยากให้ทุกคนได้เข้าไปร่วมรับประสบการณ์สุดระทึก สยองขวัญนะคะ แล้วก็ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกันกับพวกเราแอนนะคะ เจอกันในโรงภาพยนตร์นะคะ 13 ตุลาคมนี้ Faces of Anne ค่ะ