ปัจจุบันนี้มีผู้คนจำนวนมาก ที่รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งการออกกำลังกายนั้นดีต่อร่างกายแต่ความเชื่อที่ว่า “ยิ่งได้ออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ร่างกายจะยิ่งแข็งแรงมากเท่านั้น” อาจทำให้ร่างกายตกอยู่ในภาวะ ‘Overtraining Syndrome’

Overtraining คือการที่เราออกกำลังกายแบบหนักเกินกว่าร่างกายของเราจะรับไหว ซึ่งอาจจะส่งผลร้ายต่อตัวเอง เพราะร่างกายไม่ได้มีช่วงเวลาที่พักฟื้นเลย ซ้ำร้ายแล้วหากฝึกหนักเป็นประจำอาจจะส่งผลทำให้ร่างกายมีอาการบาดเจ็บเป็นของแถมอีกด้วย ส่วน Overtraining Syndrome คือกลุ่มอาการหรือการตอบสนองของร่างกายที่ส่งผลต่อสมรรถภาพของร่างกาย (Physical Performance) และส่งผลในเรื่องของจิตใจ ทำให้อารมณ์แปรปรวนหรือมีความผิดปกติของอารมณ์ (Mood Disturbance) จากการออกกำลังกายที่หนักจนเกินรับไหว
สาเหตุของ Overtraining Syndrome ได้แก่
- ฝึกซ้อมมากเกินไป โดยออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมที่ไม่เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกาย อาทิ ปริมาณการซ้อม ความหนักหน่วงของการซ้อม เป็นต้น
- พักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น นอนหลับไม่เพียงพอ พักผ่อนระหว่างซ้อมน้อยเกินไป
- ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน เช่น โปรตีนน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อขาดการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ, คาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายสะสมพลังงานได้ไม่เต็มที่, สารน้ำหรือน้ำน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำระหว่างออกกำลังกาย เป็นต้น
- ความเครียดสะสม ทำให้เกิดภาวะ Overtraining Syndrome ได้เช่นกัน

ฉะนั้นแล้ว หากต้องการให้ร่างกายมีความแข็งแรงอย่างจริงๆ เราควรจะมีช่วงพักหลังการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้มีการซ่อมแซม เพื่อไม่ให้สุขภาพของตัวเองต้องโดนบั่นทอนอย่างไม่จำเป็น อาการของภาวะ Overtraining Syndrome มีหลายรูปแบบ เช่น สมรรถภาพการออกกำลังกายลดลง, ไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามเป้าที่วางไว้, เหนื่อยง่ายผิดปกติ, หอบเหนื่อยมากขึ้น, เหงื่อออกมากขึ้น, น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ, เบื่ออาหาร, เครียดโดยไม่มีสาเหตุ
สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักควรต้องระวังภาวะ Overtraining Syndrome ด้วยการจัดวางโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม อาจใช้หลักการง่ายๆ คือ นักกีฬาหรือผู้ที่เตรียมแข่งขันควรทำเวลาให้ดีขึ้นไม่เกิน 10% ในแต่ละสัปดาห์ หากเป็นนักวิ่งไม่ควรเพิ่มระยะทางมากจนเกินไป ไม่ควรเกิน 10% ในแต่ละสัปดาห์ และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้มีคุณภาพ หากออกกำลังกายมากเกินไปจนร่างกายตกอยู่ในภาวะ Overtraining Syndrome อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนหัวเข่าสึก เส้นเอ็นหัวเข่าบาดเจ็บ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตามถ้าออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่ฟิตเหมือนที่เคย ควรตรวจเช็คร่างกาย เพื่อจะได้รู้สมรรถภาพของตัวเอง ออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม มีสุขภาพดีในระยะยาว

อ้างอิงข้อมูลจาก : สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย โรงพยาบาลกรุงเทพ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล