Mercedes ได้เปิดตัวรถเอสยูวี 7 ที่นั่งรุ่นเล็กอย่าง Mercedes-EQB ไปเมื่อช่วงกลางปี 2021 ที่ผ่านมา ล่าสุด Mercedes Benz ประเทศไทยนำรถรุ่นนี้มาจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยมาในรุ่น EQB 250 AMG Line กับราคา 3,020,000 บาท พร้อมออฟชั่นที่เรียกได้ว่าเพียงพอพร้อมทุกการใช้งานอย่างแน่นอน จะมีรายละเอียดยังไงวันนี้ FEE:D จะพาทุกคนไปชม Mercedes-EQB 250 AMG กันครับ
สำหรับ Mercedes-EQB เป็นรถยนต์แบบเอสยูวี 7 ที่นั่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Mercedes Benz GLB โดยการดีไซน์ของตัวรถจะยังคงดูคล้ายคลึงกับ GLB แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการดีไซน์ในบางจุดให้ตัวรถดูมีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า
EQB ยังมาพร้อมการดีไซน์ที่แฝงไปด้วยความหรูหราภายใต้แนวคิด “Progressive Luxury” ตามแบบฉบับของแบรนด์ Mercedes-EQ โดยในด้านของการออกแบบภายนอก EQB มีการตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Radiator grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Twin blade ที่ดีไซน์รับกับโลโก้ดาวสามแฉกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างลงตัว ต่อเนื่องด้วยโคมไฟหน้าความละเอียดสูงแบบ LED High Performance ตกแต่งเส้นสายไฮไลท์สีฟ้าแสดงถึงการเป็นรถในตระกูล Mercedes-EQ และมีการติดตั้งระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) พร้อมติดตั้งราวหลังคาอลูมิเนียมในสไตล์ของรถเอนกประสงค์ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว
การออกแบบภายใน EQB 250 AMG Line มาพร้อมนวัตกรรมและความสะดวกสบาย ความหรูหราและความสปอร์ต ทั่วทั้งห้องโดยสารด้วยการดีไซน์แบบ AMG ตั้งแต่คอนโซลหน้าที่ตกแต่งแบบ Aluminium-look ไปจนถึงเบาะหนังสไตล์ AMG ที่หุ้มด้วยหนัง ARTICO ตัดสลับกับ MICROCUT microfibre สีดำ พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Nappa และแป้นควบคุมการคืนพลังงานไฟฟ้า (Regenerate) แบบ Paddle shift ที่ทำจากวัสดุ Galvanished steel ในด้านของฟังก์ชั่นการใช้งานและความบันเทิง EQB มีระบบการแสดงผลและระบบควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว โดยมีการติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างระบบ MBUX6 ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานภายในรถได้อย่างง่ายดาย
ความโดดเด่นของ EQB คือความสะดวกสบายและความเอนกประสงค์ตามแบบฉบับรถเอสยูวี โดยมีความจุสัมภาระสูงสุด 1,710 ลิตร พร้อมติดตั้งฟังก์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากมาย ทั้งระบบปรับเบาะแบบไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบหน่วยความจำแบบ memory seat ทั้งเบาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยก 2 โซนแบบ THERMOTRONIC พร้อมการควบคุมระบบปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟน ระบบไฟ Ambient Light 64 เฉดสี ที่สร้างบรรยากาศให้กับห้องโดยสาร หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Panoramic sliding roof) ระบบเปิด – ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS) ระบบการเชื่อมต่อแบบ Smart Phone Integration ที่รองรับทั้งระบบ Apple CarPlayTM และ Android Auto รวมถึงการติดตั้งระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging system) สำหรับที่นั่งด้านหน้า
ด้านของแหล่งพลังงาน รถยนต์คันนี้ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage) มีความจุแบตเตอรี่ 66.5 kWh สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP สำหรับการชาร์จไฟฟ้า EQB รองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 32 นาที และรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยมาพร้อม Mercedes-Benz Wallbox Home รุ่น 2.0 ที่มาพร้อมระบบป้องกันฝุ่นกันน้ำ ตามมาตรฐาน IP55/IK10 นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการชาร์จไฟฟ้าและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA (over-the-air) ผ่านแอปพลิเคชัน
EQB 250 AMG Line มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่เหนือระดับมากมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับ
ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง โดยนอกจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว EQB
ยังได้เสริมระบบความปลอดภัยขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด (Parking Package with reversing camera) ระบบรักษาระดับความเร็ว (CRUISE CONTROL) ระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Adjustable damping) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
ทั้งนี้ในงานแถลงข่าวของ Mercedes-Benz ประเทศไทย ยังได้กล่าวว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์ถึง 8 รุ่นในปีนี้โดยรถยนต์ EQ นั้นมาแน่นอนแล้วถึง 3 รุ่น โดยรวมกับเจ้า EQB ที่พึ่งเปิดตัวไป ติดตามว่า Mercedes-Benz เดินหน้าอย่างไรกับแผนการตลาด Lead To Ambition ในปีนี้
แหล่งที่มาและข้อมูล : Mercedes-Benz Thailand
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีและยานยนต์ได้ที่ FEE:D