นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ได้ทำให้การพบเจอของใครหลายๆคนนั้นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีไป จากเดิมที่สามารถประชุมพูดคุยได้อย่างสะดวกก็เปลี่ยนไปเป็นการประชุมแบบ Online ด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งนับว่าการแพร่ระบาดนั้นทำให้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ การประชุมออนไลน์นับว่าเป็นเรื่องปกติไปเลย เมื่อมีข่าวล่าสุดมาว่าไมโครซอฟท์จับมือ ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ ประชุมอัตโนมัติแปลสดได้ถึง 40 ภาษา วันนี้เราจะนำรายละเอียดของไอเดียการ ประชุมอัตโนมัติ สุดล้ำนี้มาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเปิดตัวบริการ Teams Premium ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ที่ใช้ความอัจฉริยะของระบบปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT เปลี่ยนแปลงรูปแบบการประชุมแบบเดิมให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ บันทึกการประชุม แปลภาษาสด 40 ภาษา ทลายกำแพงด้านภาษาระหว่างพนักงานที่มีความแตกต่างกันด้านเชื้อชาติ สร้างความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นในการประชุม
เบื้องหลังระบบประชุมอัตโนมัติ ถูกพัฒนาขึ้นบนโมเดลปัญญาประดิษฐ์ GPT-3.5 ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริการ ChatGPT ที่ในขณะนี้กลายเป็นบริการยอดฮิตมีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคน ขึ้นแท่นแอปพลิเคชันที่เติบโตรวดเร็วมากที่สุดในโลก
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้รับการออกแบบและพัฒนาจากบริษัท โอเพนเอไอ (OpenAI) หนึ่งในบริการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำที่บริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้เข้าไปลงทุนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
การคิดค้นนวัตกรรมการประชุมอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและบันทึกรายละเอียดได้ดีกว่าที่เป็นมนุษย์เป็นผู้ทำ ซึ่งในเปิดบริการของ Teams Premium ในครั้งนี้ยังมีความสามารถอื่น ๆ ตามมาด้วย เช่นไฮไลต์ประเด็นของการประชุมโดยอัตโนมัติ สรุปและบันทึกการประชุมแบบละเอียด การถอดเสียงออกเป็นข้อความแบบสมบูรณ์ ระบบการนัดหมายล่วงหน้า และการติดป้ายกำกับเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนในระหว่างการประชุมเพื่อรักษาความลับขององค์กร ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ทางไมโครซอฟท์จะค่อยๆทำการทยอยปล่อยออกมาในช่วงปีนี้
บริการ Teams Premium เสียค่าสมาชิก 7 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 236 บาท ต่อเดือน แต่หลังจากวันที่ 30 มิถุนายน บริษัทจะปรับราคาเพิ่มเป็น 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 337 บาทต่อเดือน โดยมีแนวโน้มว่าบริการรูปแบบใหม่พร้อมระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะจะเป็นตัวเรียกลูกค้า
แหล่งที่มาและข้อมูล : TheVerge
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ที่ FEE:D