การเดินทางด้วยรถไฟนับว่าเป็นหนึ่งการสัญจรที่มีความสำคัญกับใครหลายคน บางคนเดินทางโดยสารด้วยรถไฟฟ้าสายต่างๆ เพื่อไปทำงาน ทำธุระ หลีกเลี่ยงการต้องพบกับปัญหาการจราจรในบ้านเรา หรือบางคนเลือกใช้รถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินสัญจรเพื่อเดินทางเข้าเมืองเช่นเดียวกัน แต่ต้องไม่ลืมว่ามีคนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันที่เลือกการเดินทางด้วยรถไฟธรรมดา จนในปัจจุบันมีคำถามมากมายจากหมู่คนรุ่นใหม่ว่า เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วหรือยัง เพราะเมื่อมองไปยังประเทศรอบข้างต่างได้รับการพัฒนาไปแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งวันนี้ชาติมหาอำนาจอย่างจีนได้เปิดตัว รถไฟพลังงานไฮโดรเจน ที่สามารถทำความเร็วได้กว่า 160 กม./ชม. สร้างมิติใหม่แห่งทั้งการคมนาคมและพลังงานสะอาด
ล่าสุดรัฐวิสาหกิจซีอาร์อาร์ซี (CRRC) ประเทศจีน หนึ่งในผู้ผลิตรถไฟรายใหญ่ที่สุดของโลกร่วมมือกับการขนส่งทางรถไฟเฉิงตู (Chengdu Rail Transit) เปิดตัวรถไฟพลังงานไฮโดรเจนขบวนแรกของประเทศและขับเคลื่อนเร็วที่สุดในโลก 100 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเดินทางในตอนนี้ได้ระยะทาง 373 ไมล์ (600 กม.) และไม่ปล่อยอะไรเลยนอกจากน้ำ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่างอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบที่รถไฟฟ้าสามารถเดินทางไปได้โดยที่คนขับไม่ต้องสั่งการใดๆ ( Self Driving) รวมไปถึงได้มีการติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง 5G มาอย่างครบครัน
รถไฟไฮโดรเจนแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมทางรางบนโลกของเรา เพราะในปีที่แล้วเยอรมนีออกรถไฟพลังงานไฮโดรเจนมาให้บริการ 14 ขบวน บนเส้นทางกว่า 1,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามรถไฟพลังงานไฮโดรเจนของเยอรมนีวิ่งได้ช้ากว่ารถไฟพลังงานไฮโดรเจนของจีนประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นที่น่าสนใจว่าในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นประเทศที่มีเสียงเรียกร้องมากที่สุดในการผลักดันให้ใช้ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นทางออกของการขนส่ง
ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นว่า จีนกำลังเป็นผู้นำในการติดตั้งสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน จากข้อมูลของ Information Trends มีสถานีไฮโดรเจนเพียง 1,000 แห่งทั่วโลก โดยประมาณ 1 ใน 3 ของสถานีดังกล่าวอยู่ในประเทศจีน
เป็นอีกครั้งที่ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นความพยายามที่จีนกำลังทำเพื่อลดปัญหามลพิษที่เป็นปัญหากวนใจมาหลาย 10 ปี นอกจากนี้ยังมีการผลักดันให้รถยนต์ต่างๆกันมาใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานไฮโดรเจนที่มากยิ่งขึ้น ในประเทศไทยเองนอกจากเรื่องการผลักดันด้านรถยนต์ไฟฟ้าแล้วคงต้องหันกลับมามองถึงรถไฟที่เป็นการคมนาคมที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย กับข่าวการพังของหัวรถจักรที่ซื้อมาได้ไม่นาน ก็หวังว่าการรถไฟคงจะได้มีการพัฒนาในเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป
แหล่งที่มาและข้อมูล : Global Times
ติดตามข่าวสารด้านพลังงานได้ที่ FEE:D