ในชั่วชีวิตหนึ่งของเรา จะได้เห็นเหตุการณ์ ‘ยุบพรรคการเมือง’ สักกี่ครั้งกี่หนกันเชียว 

จากคำถามนี้ ผู้เขียนจึงได้ลองค้นข้อมูลและพบว่า นับตั้งแต่มีการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญในปี 2540 จนถึงปัจจุบัน คนใน 3 เจนเนเรชั่น ทั้ง Gen X, Gen  Y, และ Gen Z ผ่านเหตุการณ์ยุบพรรคมาแล้วถึง 110 ครั้ง (ไทยพับบลิก้า, 2563)

อ่านไม่ผิดหรอก… 110 ครั้ง คือตัวเลขที่พรรคการเมืองไทยทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ถูกยุบโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่างกรรมต่างวาระต่างข้อหา ตั้งแต่ผิดกฎระเบียบเล็กน้อยไปจนถึงข้อหา ‘ล้มล้างการปกครอง’

ปี 2567 หรืออีกไม่กี่วันต่อจากนี้ เป็นอีกครั้งที่คนไทยต้องนั่งเกาะจอลุ้นระทึก ว่าพรรค ‘ก้าวไกล’ ที่ครองใจมวลชนจากการได้คะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วกว่า 14 ล้านเสียง จะถูกเหล่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงคะแนนเสียงข้างมาก ตัดสิน ‘ยุบพรรค’  อีกหรือไม่ เหตุใดกการยุบพรรคจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรอบ 2 ทศวรรษ กระทั่งว่า คนอีกกี่เจนเนเรชั่นจะต้องอยู่วังวนแห่งความไร้สเถียรภาพทางการเมืองและประชาธิปไตย และต้องช้ำใจเมื่อการยุบพรรคการเมืองนั้น หมายถึงการยุบระบบประชาธิปไตยและความใฝ่ฝันของผู้คนไปพร้อมๆ กัน 

ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยพับบลิก้า เปิดเผยว่า ประเทศไทย มีการยุบพรรคการเมืองมาแล้วทั้งสิ้น 110 ครั้ง ภายในระยะเวลา 26 ปี นับตั้งแต่ปี 2541 ที่มีการยุบพรรคการเมืองครั้งแรก จนถึงล่าสุดเมื่อปี 2563 ที่ทางศาลรัฐธรรมนูญได้ลงมติยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัวเลขนี้ถือว่าสูงมากหากเทียบกับนานาประเทศ โดยเราสามารถจำแนกการยับพรรคในแต่ละปีได้ดังนี้

  • 2541 – 1 พรรค  
  • 2542 – 4 พรรค
  • 2543 – 4 พรรค
  • 2544 – 18 พรรค
  • 2545 – 19 พรรค
  • 2546 – 10 พรรค
  • 2547 – 11 พรรค
  • 2548 – 10 พรรค
  • 2549 – 4 พรรค
  • 2550 – 11 พรรค
  • 2551 – 3 พรรค
  • 2553 – 3 พรรค
  • 2555 – 2 พรรค
  • 2556 – 2 พรรค
  • 2557 – 2 พรรค
  • 2558 – 1 พรรค
  • 2559 – 2 พรรค
  • 2560 – 1 พรรค
  • 2562 – 1 พรรค
  • 2563 – 1 พรรค

110 พรรคการเมือง ถูกยุบพรรคด้วยหลายเหตุปัจจัย ตั้งแต่ข้อหาใหญ่ไปจนข้อหาทางเทคนิคเล็กน้อย ดังต่อไปนี้

  1. ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนด การคุณสมบัติความเป็นพรรคการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด 101 พรรค
  2.  ล้มล้างการปกครอง 4 พรรค (ไทยรักไทย มัชฌิมาธิปไตย ชาติไทย พลังประชาชน)
  3.  เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง 4 พรรค (ประชาธิปไตยก้าวหน้า พัฒนาชาติไทย แผ่นดินไท ไทยรักษาชาติ)
  4. ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 1 พรรค (พรรคอนาคตใหม่)

โดยกฎหมายที่นำมาใช้ในการยุบพรรคการเมือง ได้แก่ , พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2541  จำนวน 92 พรรค, พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2550 จำนวน 16 พรรค, พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 จำนวน 2 พรรค

ปัญหาของการยุบพรรคการเมืองในประเทศไทยโดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากกับการเมืองไทย ซึ่งตัวเลข 110 ครั้ง นับเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศเยอรมนี ที่มีการยุบพรรคการเมืองเกิดขึ้นแค่เพียง 3 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ การยุบพรรคกรรมกรเยอรมนีแนวชาติสังคมนิยม  (Nationalsozialistische Deutsche Arbeiterpartei), ยุบพรรคสังคมนิยม (Sozialistische Reichs Partei) หรือพรรค SRP และยุบพรรคคอมมิวนิสต์ (Kommunistische Partei Deutschlands) หรือพรรค KPD โดยเหตุแห่งการยุบพรรคตามระบบกฎหมายของเยอรมันนี ต้องเป็นเหตุร้ายแรงและส่งผลต่อการดำรงอยู่ของรัฐ  หรือกระทบต่อระบอบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยเท่านั้น นอกจากนี้ ในนานาประเทศ อาทิ เยอรมันนี ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และตุรกี ล้วนแล้วไม่มีการที่ประชาชนจะได้สิทธิในการยื่นคำร้องขอยุบพรรคการเมือง แต่การจะยุบพรรคการเมืองได้จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร หรือผู้แทนของรัฐ เช่น ประธานาธิบดี สภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น 

ตัดกลับมาที่ประเทศไทย หากเราดูรายละเอียดเหตุผลของการยุบพรรค จะพบว่า กฎหมายไทยได้บัญญัติเหตุแห่งการยุบพรรคมากเกินไป  เช่นว่า ใน รธน. 2560 การสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง (ตามมาตรา 91) บัญญัติการสิ้นสภาพ พรรคการเมืองที่กว้างมากเกินไป และปฏิบัติได้ยาก เช่น การกำหนดให้มีผู้ร่วมก่อตั้งพรรค 500 คน และต้องมีทุนประเดิมพรรคถึง 1,000,000 บาท และหลังจากภายหลังจากจดทะเบียนพรรค การเมืองได้แล้วยังต้องรักษามีจำนวนสมาชิกให้เหลือถึง 5,000 คน ซึ่งเป็นการยากที่พรรคเล็กๆ จะทำได้ (ปริญญา เทวานฤมิตรสกุล, 2558)

นอกจากนี้ เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 92 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง ได้ ดังนี้ 

  1.  กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ
  2. กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 
  3. กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 (4) มีเหตุอันจะต้องยุบพรรค การเมืองตามที่มีกฎหมายกำหนด 

อย่าในปี 2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินยุบพรรค ‘ไทยรักษาชาติ’ ด้วยเหตุว่า กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข และ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ขณะที่ในกฎหมายของต่างประเทศ เช่น เยอรมัน เกาหลีใต้ ไม่ได้กำหนดว่า การกระทำผิดของกรรมการพรรคคนหนึ่งให้ถือว่าเป็นความผิดของ กรรมการพรรคทุกคน แต่ใช้หลักความผิดต่อส่วนตัว ดังนั้นเมื่อกรรมการพรรคคนใดคนหนึ่งกระทำผิด ถ้ากรรมการพรรคคนอื่นพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำนั้นด้วยก็จะไม่โดนตัดสิทธิ์ในการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ตามระบบกฎหมายไทยในมติการยุบพรรคการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญใช้เพียง ‘ระบบลงมติเสียงข้างมากธรรมดา’ สั่งยุบพรรคการเมืองได้ เนื่องจากใน รธน.  2560 มาตรา 213  บัญญัติให้ประชาชนทั่วไปสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญได้ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้ว ตามมาตรา 211  ก็จะตั้งคณะตุลาการ (ไม่น้อยกว่า 7  คน) มาพิจารณาวินิจฉัยคำร้อง โดยคำวินิจฉัยนั้น ‘ให้ถือเสียงข้างมาก’

นั่นหมายความว่า แค่อาศัยเสียงข้างมากธรรมดาๆ ก็สามารถยุบพรรคการเมืองได้ เช่น หากมี 4 ตุลาการ มีมติยุบพรรค พรรคการเมืองนั้นก็ถูกยุบได้ทันที ขณะที่หากเราดูในการเมืองต่างประเทศ การจะยุบพรรคได้ต้องใช้ ‘เสียงข้างมากเด็ดขาด’ (Absolute majority) จึงจะยุบพรรคการเมืองได้ ซึ่งทำได้ยากมากหากเทียบกับประเทศไทย  

การยุบพรรคการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลา 26 ปีนี้ เป็นผลมาจากระบบกฎหมายไทย  องค์กรศาลรัฐธรรมนูญ (ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง) และการใช้เสียงข้างมากของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายชุด ซึ่งสร้างผลกระทบนานัปการต่อการเมืองไทย  และทำลายเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา น่าคิดว่า คนทั้ง 3 เจนเนอชั่น ทั้ง Gen X, Gen  Y, และ Gen Z ที่ต้องผ่านเหตุการณ์ยุบพรรคมาแล้วถึง 110 ครั้งนั้น  ล้วนแล้วแแต่เป็นผลงานและมรดกทางการเมืองของคนในรุ่น  Baby Boomers ที่เราก็ไม่รู้ว่า การยุบพรรคการเมืองพร่ำเพรื่อเช่นนี้จะสิ้นสุดในรุ่นไหน และการยุบพรรคครั้งที่ 111 (พรรคก้าวไกล) ที่จะตัดสินกันในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จะเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมหรือไม่

เรายังไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ไม่มีใครต้องการให้ความใฝ่ฝันและอำนาจของตนถูกยุบอีกแล้ว 

อ้างอิง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก