Indy Mania  By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s 

‘ในวันเวลาที่ยุค Indy Mania ปักหลักลงฐานและฟีเวอร์ในปี 2537 ก่อนหน้านั้น วงการเพลงไทยกระแสหลักอยู่ในการชี้นำของสองค่ายเพลงยักษ์ใหญ่และค่ายเพลงขนาดกลางไม่เกินนับนิ้วมือข้างเดียว ค่ายเพลงอิสระขนาดเล็ก หรืออินดี้ เรียกว่าแทบจะไม่มี เนื่องจากภาระของค่าใช้จ่ายทางการซื้อสื่อวิทยุและโทรทัศน์ที่มีมูลค่าสูงในการโปรโมท เพราะฉะนั้นช่วงต้นของยุคทศวรรษที่ 2530 เป็นการเคลื่อนไหวของฉากทัศน์ดนตรีที่ไม่มีทางเลือกในตลาดเพลงของ ‘เพลงชีวิตใต้ดิน’ ซึ่งมาก่อนการระเบิดของคณะดนตรีร็อคคอลเลจ ซาวด์’

ดนตรียุค 90s ได้เปลี่ยนโฉมหน้าสู่ยุคใหม่กรันจ์ร็อก ซีแอตเติลซาวด์ ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของดนตรีกระแสหลักในอเมริกา ส่วนในสหราชอาณาจักร บริตพ็อป ได้เข้าครอบครองพื้นที่ของวัยรุ่นยุคใหม่ในการเสพฟังเพลงไปทั่วโลก

สำหรับในเมืองไทยเองก็ไม่ต่างกัน แต่มีจุดที่น่าสนใจอย่างมาก เป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญซึ่งไม่ค่อยได้ถูกบันทึกไว้ นั่นคือซีนหรือฉากทัศน์ ‘เพลงชีวิตใต้ดิน’ 

ทำไม! จึงเรียกว่า ‘เพลงชีวิต’ ไม่เรียกว่า ‘เพลงเพื่อชีวิต’ 

เพราะ ‘เพลงชีวิต’ เป็นเพลงนอกกระแสของเพลงเพื่อชีวิตที่พยายามคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของศิลปะเพื่อชีวิตเพื่อประชาชน อุดมการณ์ฝ่ายซ้ายที่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบเพลงเพื่อชีวิต ในความหมายของการก่อเกิด แต่มีสิ่งที่ย้อนแย้งกว่านั้น ก็คือการก่อเกิดเพลงเพื่อชีวิต ซึ่งต่อมาถูกนำไปรวมกับเพลงฝ่ายซ้ายเพื่ออุดมการณ์และนำไปสู่สังคมอุดมคตินั้น แท้จริงแล้วเกิดจากบทเพลงประท้วงที่เลียนอย่างเพลงประท้วงในยุคทศวรรษที่ 1960 ของดนตรีสมัยนิยมและยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา อาทิ บ็อบ ดีแลน, โจน บาเอซ, ครอสบี สติลล์ แนช แอนด์ ยัง ผ่านคณะดนตรีคาราวาน ซึ่งเป็นต้นต้นแบบดนตรีเพื่อชีวิตแนวโฟล์กและโฟล์กร็อกในเมืองไทย

เมื่ออุตสาหกรรมดนตรีพาณิชย์ศิลป์ของวงการเพลงไทยเติบโตขึ้นอย่างมาก และมีมูลค่าของตลาดเฉพาะสำหรับเพลงเพื่อชีวิตที่สูงมาก ดังเห็นได้จากยอดขายของคณะดนตรีคาราบาวในอัลบั้มชุดต่างๆ การร่วมมือกันเปิดค่ายเพลงดี-เดย์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นค่ายเพลงหนึ่งที่เน้นแต่นักร้องและคณะดนตรีเพลงเพื่อชีวิต อีกทั้งยังเป็นบริษัทเทปที่บริหารงานอย่างครบวงจร ทั้งการผลิต โปรโมท จัดจำหน่าย ในนาม ซาวด์ ซาวด์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น มิวสิกา ในตอนหลัง รวมทั้งสื่อวิทยุรายการ ‘แว่วหวาน’ ของค่ายเพลงเอง

เมื่อกระแสดนตรีเพื่อชีวิตโน้มนำไปในแนวทางระบบตลาดเพลงและธุรกิจเต็มรูปแบบ ไม่แตกต่างจากค่ายเพลงในระบบเพลงยอดนิยมทั่วไป นักร้อง คณะดนตรี และคนดนตรีเพื่อชีวิตในยุคนั้นส่วนหนึ่งก็ต้องหาช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของตัวเองที่ไม่ผ่านมาตรฐานและการคัดสรรจากระบบค่ายเทปที่เน้นการตลาดผ่านยอดขายและรายได้เป็นหลักใหญ่

ฉากทัศน์หรือซีนของความเคลื่อนไหวของคนดนตรีเพื่อชีวิตสายอุดมการณ์และอุดมคติ รวมถึงสายศิลปะจึงมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังเพื่อให้มีที่ทางและทางออกของตัวเองตามแนวทางของศิลปะเพื่อชีวิต และศิลปะหัวก้าวหน้าแนวทดลอง หรืออวองการ์ด 

เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าสู่กระแสเพลงเพื่อชีวิตกระแสหลักได้ พวกเขาจึงขับเคลื่อน ‘เพลงชีวิตใต้ดิน’ ยุคต้นทศวรรษที่ 2530 ตามที่จะทำได้ ในขณะที่เพลงเพื่อชีวิตเข้าสู่ตลาดเพลงพาณิชย์ศิลป์แบบเพลงพ็อปยอดนิยมไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ความเคลื่อนไหวของนักเพลงชีวิตกลุ่มนี้ โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว จะรวมตัวกันที่ชมรมศิลปะรวงผึ้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสังข์ทองประมาณปี 2527-2528 ปัจจุบันคือซอยพหลโยธิน 35 ตรงทางเข้าโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป โดยมี จุฑา สุจริต เป็นผู้อำนวยการ ต่อมาชมรมศิลปะรวงผึ้งได้ย้ายมาที่ร้านรวงผึ้ง ตลาดซันเดย์ สวนจตุจักร โดยในทุกวันหยุดคือ เสาร์-อาทิตย์ จะเป็นศูนย์กลางของบรรดาเหล่าศิลปิน นักเขียน กวี นักดนตรีแนวอวองการ์ดทั้งหลายมารวมตัวกันกินดื่ม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและสร้างสรรค์ศิลปะแขนงต่างๆ พร้อมมีการเล่นดนตรีสดแจมกันได้ พร้อมเสวนาการเมือง สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือกิจกรรมการอ่านบทกวีในพื้นที่สาธารณะเป็นการทำงานศิลปะอย่างที่เรียกว่า ‘แอ็กชัน โพเอทรี’ (Action Poetry) 

ความเคลื่อนไหวชมรมศิลปะรวงผึ้ง ซึ่งเป็นชุมชนศิลปะที่เปิดกว้าง (Community Art) ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มศิลปินกลุ่มใหม่เพิ่มเติม คือ กลุ่มศิลปินกรุงเทพนอกคอก โดยมีชมรมศิลปะรวงผึ้ง เป็นพื้นที่แห่งการทดลองสร้างศิลปะที่หลากหลายแขนง และบางครั้งมีการแสดงสดทั่วทั้งสวนจตุจักร  อาจจะกล่าวได้ว่าชมรมศิลปะรวงผึ้ง เป็นพื้นที่ทางศิลปะแห่งใหม่ สำหรับทดลองการทดลองศิลปะ บรรยากาศของชมรมรวงผึ้งเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนความคิด และงานศิลปะใหม่ๆ ซึ่งก่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่เป็นที่น่าเสียดาย ชมรมนี้ก็ได้ยุบตัวไปในภายหลัง 

ในห้วงเวลานี้ คนดนตรีเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ในตอนนั้น พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ได้ออกอัลบัมชุดแรกในปี 2530 ชื่อชุด ‘ถึงเพื่อน’ กับบริษัทบัฟฟาโล เฮด นับได้ว่าเป็นค่ายเพลงเพื่อชีวิตอิสระแรกๆ ในตอนนั้น แต่ยังไม่ถึงกับเป็น ‘เพลงชีวิตใต้ดิน’  ซึ่งเป็นขบวนการขับเคลื่อนสำคัญในเวลาต่อมา 

‘เพลงชีวิตใต้ดิน’ อยู่ในความหมายของเพลงใต้ดินโดยแท้ ซึ่งไม่ได้อาศัยกลไกทางการตลาดมาเป็นตัวชี้นำ หรือใช้ระบบขายและโปรโมทแบบค่ายเพลงเชิงธุรกิจเต็มที่ เพลงชีวิตใต้ดินมีการปลดปล่อยแนวความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ ต่อต้านสูตรเดิมๆ ในการแต่งเพลงตลาด ชื่นชมความเป็นศิลปินที่แท้จริง และต่อต้านการทำตามๆ กันของเพลงกระแสนิยม

อารักษ์ อาภากาศ
อารักษ์ อาภากาศ

แน่นอน หัวใจของเพลงชีวิตใต้ดิน คือ ‘เสรีภาพ’ ทั้งในด้านการแสดงออกทางความคิด ความกล้าท้าทายกรอบเดิมๆ และการสร้างสรรค์เสียงดนตรีที่ไม่ยึดติดกับสูตรสำเร็จ เพราะคุณสมบัติของเพลงใต้ดินทั่วทั้งโลกมักเน้นความจริงใจ ไม่ปรุงแต่งเพื่อเอาใจตลาด และสะท้อนตัวตนของนักร้องและคณะดนตรีอย่างแท้จริง

นักร้องและคณะดนตรีในเส้นทางสายนี้หลายคนเลือกใช้ดนตรีเป็นช่องทางในการพูดถึงประเด็นทางสังคม วิถีชีวิต หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาในชีวิตประจำวันได้ แม้จะไม่อยู่ในกระแสหลัก แต่เพลงชีวิตใต้ดินกลับครองใจผู้ฟังที่แสวงหาดนตรีที่ ‘จริง’ และ ‘กล้า’ มากกว่าความนิยมชั่วคราว และนั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้เพลงชีวิตใต้ดินเติบโตแบบเงียบๆ แต่มั่นคงในหัวใจของคนรักดนตรีและคนฟังตัวจริงในยุคนั้น

เพราะฉะนั้น เพลงชีวิตใต้ดินของไทยจะไม่สังกัดค่ายเพลงใหญ่ ไม่ได้เผยแพร่อย่างกว้างขวางตามสื่อกระแสหลัก และมักจะสร้างสรรค์โดยนักร้องและคณะดนตรีอิสระที่ทำเพลงรังสรรค์ผลงานกันเองอกกมาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ดนตรี หรือสไตล์การนำเสนอ เน้นการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ ความจริงใจ และการต่อต้านกระแสหลัก ทำให้มีเนื้อหา ความคิดและสไตล์ที่หลากหลายเฉพาะตัว มีความจริงใจ ตรงไปตรงมา และไม่ปรุงแต่ง มักจะมีเนื้อหาที่สะท้อนความคิด อารมณ์ ความรู้สึก หรือประเด็นทางสังคมอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่ปรับตัวหรือประนีประนอมให้เข้ากับตลาด หรือเน้นความนิยมในวงกว้างเพื่อสร้างยอดขาย โดยใช้การตลาดนำในการผลิตเพลงตามสายการผลิตแบบค่ายเพลง

เพลงชีวิตใต้ดินของไทยในช่วงต้นทศวรรษที่ 2530 ถือเป็นวัฒนธรรมย่อย (Subculture) และสร้างกลุ่มคนฟังขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจงที่ชื่นชอบในแนวทางนี้ มีการรวมกลุ่มกัน จัดกิจกรรม หรือคอนเสิร์ตขนาดเล็ก

แน่นอน เมื่อมีการเริ่มต้นของกระแสสร้างกลุมคนฟังที่ชัดเจน และเป็นคอมูนิตีที่ติดตามได้แล้ว นักร้องหรือคณะดนตรีเพลงชีวิตใต้ดินประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมจนก้าวเข้าสู่กระแสหลักได้ในภายหลัง ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ อารักษ์ อาภากาศ เริ่มต้นเส้นทางดนตรีและเป็นที่รู้จักจากอัลบั้ม ‘คนเดินดิน’ ในปี 2534 ซึ่งได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเวทีสีสัน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 4

วสันต์ สิทธิเขต (ภาพจาก wikipedia)
วสันต์ สิทธิเขต (ภาพจาก wikipedia)

อีกคนคือ วสันต์ สิทธิเขตต์ ซึ่งมีผลงานเพลงและอัลบั้มที่เข้าข่ายเพลงชีวิตใต้ดินอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะหลายแขนงของเขา โดยที่เขาไม่ได้มองการทำเพลงเพื่อการค้าหรือเพื่อให้ติดตลาด แต่ใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการสื่อสารความคิดและทัศนคติทางการเมือง สังคม และปรัชญาชีวิต เช่นเดียวกับงานศิลปะอื่นๆ ของเขา ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือการแสดงสด (Performance art)

ผลงานเพลงของวสันต์มักจะถูกทำขึ้นในรูปแบบที่เรียบง่ายและเผยแพร่ในแบบทำเองเร่ขายเองในงานกิจกรรมศิลปะต่างๆ ไม่ผ่านกลไกระบบธุรกิจเพลง บทเพลงของเขามีเนื้อหาที่รุนแรง ตรงไปตรงมา และท้าทายขนบธรรมเนียมทางสังคมและการเมืองอย่างไม่ประนีประนอม ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของเพลงชีวิตใต้ดินนั่นเอง

ปัจจุบัน ในยุคดิจิทัลออนไลน์สตรีมมิง และโซเชียลมีเดีย วงการเพลงใต้ดินและอินดีของไทยมีการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่และผู้สนับสนุนที่หลากหลายมากขึ้น และยังคงเป็นแหล่งกำเนิดของแนวคิดและสไตล์ดนตรีใหม่ๆ ที่น่าจับตามองอยู่เสมอ ด้วยความที่ดนตรีที่อยู่นอกกระแสหลัก ไม่ได้ถูกผลิตหรือส่งเสริมโดยค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เพื่อหวังผลกำไรทางการค้าเป็นหลัก การทำเพลงด้วยตัวเอง ตั้งแต่การแต่งเพลง อัดเสียง ไปจนถึงการโปรโมทผลงาน ซึ่งทำให้ผลงานมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความจริงใจ สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัดจากค่ายเพลงหรือตลาด เนื้อหาเพลงจึงมีความหลากหลายและอาจมีความหยาบคาย รุนแรง หรือล่อแหลม เพื่อสะท้อนความเป็นจริงหรือมุมมองส่วนตัว

ซีเปีย (Sepia)
ซีเปีย (Sepia)

แต่ถ้ากลับไปที่ยุคอินดี้ มาเนีย เพลงชีวิตใต้ดินได้เป็นแรงบันดาลใจและส่งอิทธิพลโดยตรงต่อคณะดนตรีอย่าง ซีเปีย (Sepia) จากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นำคอลเลจ ซาวด์ แบบอันเดอร์กราวด์ เมทัล ออกอี.พี. ‘เกลียดตุ๊ด’ เป็นที่เล่าขานกล่าวถึงในปี 2537 นี่คือผลพวงการเกิดขึ้นหลังการมาถึงของเพลงชีวิตใต้ดิน และยังสะท้อนถึงการต่อต้านเพลงกระแสหลักที่เน้นการตลาดและสูตรสำเร็จ 

การบุกเบิกของเพลงชีวิตใต้ดินก็คือ องค์ประกอบและปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเร่งและผลักดันทำให้เกิดพื้นที่สำหรับนักร้องและคณะดนตรีที่ต้องการแสดงออกในแบบของตัวเองและช่วยเป็นเชื้อจุดประกายให้กับยุค Indy Mania  อีกโสตหนึ่งด้วย

อ่านบทความของ พอล เฮง  ได้ที่ : FeedForFuture

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก