การนอนหลับ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เกิดการฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย, สารเคมีในร่างกาย, สารสื่อประสาท ให้เกิดสมดุลที่ปกติ ดังนั้นคนที่นอนหลับง่าย ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ทว่าอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ นี่อาจไม่ใช่ความโชคดีอย่างที่คิด เพราะหากนอนมากไป อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกาย
รู้จัก “โรคนอนเกิน” (Hypersomnia) ภาวะนอนเท่าไรก็ไม่พอ ง่วงนอนตลอดเวลา พร้อมวิธีปรับพฤติกรรม ให้นอนหลับอย่างสุขภาพดี
โรคนอนเกิน คืออะไร ?
โรคนอนเกิน (Hypersomnia) คือ โรคที่หลับเกินพอดี ขี้เซา นอนเท่าไรก็ไม่พอ ง่วงนอนตลอดเวลา งีบหลับระหว่างวันหลายครั้ง แม้แต่ในเวลากินข้าว หรือพูดคุยกับคนอื่นก็ยังหลับได้ มีการนอนที่นานเกิน 8 ชั่วโมง
ที่สำคัญโรคนี้ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรม นิสัยเกียจคร้าน หรือบุคลิกภาพส่วนตัว แต่เกิดจากโรคทางกาย หรือทางใจ ต้องรีบพบแพทย์
สัญญาณอันตราย ของ “โรคนอนเกิน”
- ตื่นนอนยาก ขี้เซามาก
- นอนเท่าไรก็ไม่พอ รู้สึกง่วงเพลียตลอดเวลา
- ต้องการงีบนอนวันละหลาย ๆ ครั้ง
- หากมีอาการหนักมาก อาจงีบหลับได้ในสถานการณ์ที่ไม่ควรหลับ เช่น ทานข้าว อยู่ในวงสนทนาที่เสียงดัง ระหว่างทำงาน
- หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายกับเรื่องเล็กน้อย
- ความจำไม่ค่อยดี สมองไม่ค่อยแล่น คิดอะไรไม่ค่อยออก หรือคิดช้าทำช้า
- วิตกกังวล หรือมีอาการซึมเศร้า
ต้นเหตุการนอนไม่พอ
- อดนอนมาเป็นเวลานาน และบ่อย ๆ จนร่างกายพักผ่อนไม่พอ ทำให้นอนเท่าไรก็ไม่รู้จักพอสักที
- นาฬิกาชีวภาพในร่างกายแปรปรวน ปรับเวลาผิด เช่น เดินทางข้ามประเทศที่ต่างช่วงเวลากันมาก
- ฮอร์โมนในร่างกาย หรือสารเคมีในสมองไม่ปกติ ทำให้ร่างกานนอนมากผิดปกติ
- นอนกรน มีภาวะการหยุดหายใจในช่วงหลับ ทำให้ร่างกายรับออกซิเจนไม่พอ
- เนื้องอกในสมอง และโรคอื่น ๆ ที่ทำให้อยากนอนตลอดเวลา
ผลเสียจากการนอนมากเกินไป
- ‘สมองทำงานช้า’ เมื่อสมองทำงานช้า ความคิดความอ่านก็จะช้า รู้สึกเฉื่อยชา กลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรง ไม่มีชีวิตชีวา ไม่อยากขยับร่างกาย ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อไม่ค่อยถูกใช้งาน ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคเกี่ยวกับกระดูกได้
- ‘อ้วนง่าย’ การนอนจะทำให้ระบบอาหารไม่ย่อย แม้จะกินน้อยแต่ระบบเผาผลาญไม่ทำงาน ร่างกายเริ่มสะสมไขมัน ซึ่งก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน
- ‘มีบุตรยาก’ ผลจากการศึกษาผู้หญิงเกาหลีใต้ ในปี 2013 พบว่าผู้ที่นอนนานเกินวันละ 9 ชั่วโมงต่อวัน จะเกิด ‘ภาวะมีบุตรยาก’ กว่าคนที่นอน 7-8 ชั่วโมง ถึง 650 คน เพราะฮอร์โมนและรอบเดือนของผู้หญิงจะเป็นปกติก็ต่อเมื่อได้รับการพักผ่อนอย่างพอดี
- ‘ตายเร็ว’ คนที่หลับง่ายและนอนนาน ๆ จะไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ส่งผลให้ออกซิเจนไม่ไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่นอนอย่างพอดีถึง 1.3%
- ‘โรคซึมเศร้า’ ในปี 2012 ได้มีการศึกษาผู้หญิงสูงวัยที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมง นั้นจะมีอารมณ์แปรปรวน สมองทำงานแย่ลงเพราะสารแห่งความสุขจะผลิตน้อยลง ซึ่งเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนที่นอนปกติถึง 49%
วิธีแก้อาการนอนมากเกินไปก็มีหลายวิธี เช่น
- เข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน เมื่อตื่นแล้วให้ลุกจากเตียงเลย อย่าต่อเวลานอนออกไปอีก
- หากิจกรรมก่อนนอนง่าย ๆ เช่น อ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม หวีผมเพื่อให้คุณได้ปรับตัว
- หาอะไรรองท้องก่อนนอน เพราะกินอิ่มก็จะนอนหลับสบายขึ้น เช่น นมอุ่น ๆ สักแก้ว เพราะถ้าคุณหลับสบาย ตื่นขึ้นมาก็จะสดชื่น
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และงดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนทุกชนิด
- อย่ากลัวนอนไม่กล้านอน เพราะอาจทำให้คุณเครียด และกังวลจนนอนไม่หลับ และอาจทำให้นอนนานกว่าเดิม ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพทั้งคู่
การที่จะห่างไกลจากโรคนอนเกินนั้น นอกจากวิธีแก้แล้วก็ควรจะหาวิธีการนอนที่ดีและปรับให้ร่างกายชินกับการนอนที่ถูกต้อง เพื่อผลที่ดีในระยะยาว
โดย การนอนที่ดี มีดังนี้
- นอนวันละ 6-8 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ควรมากหรือน้อยกว่านี้ ควรนอนและตื่นให้ตรงเวลา ไม่ควรเข้านอนเกิน 4 ทุ่ม และตื่นตี 5-6 โมงเช้า จะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- อาบน้ำก่อนนอนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเหนื่อยแสนเหนื่อยแค่ไหนก็ควรทำให้ร่างกายสะอาดก่อนนอน เพราะมันจะทำให้เรานอนสบายเนื้อสบายตัวขึ้น
- นอนตอนกลางคืน อย่าเป็นนกฮูกที่กลางคืนตื่น กลางวันหลับ หรือถ้าอยากงีบกลางวันก็ไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง เพราะจะทำให้กลางคืนเรานอนไม่หลับ และจบลงด้วยการนอนนานขึ้นกว่าเดิม
- ทำนาฬิกาชีวิตให้เป็นระเบียบ ทำกิจวัตรในชีวิตประจำวันให้เป็นแบบเป็นแผน ตรงเวลาและสม่ำเสมอ เพราะเมื่อทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ สุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้น
- ไม่ควรใช้ยานอนหลับ หากมีอาการนอนไม่หลับควรปรับวิธีการนอนด้วยตัวเอง เพราะการใช้ยาเป็นประจำจะทำให้เกิดการดื้อยา และเมื่อกินไปมาก ๆ เข้าก็จะส่งผลถึงตับได้ และในรายที่นอนมากเกินก็เช่นกัน เพราะยาจะไปกระตุ้นประสาทให้คุณไม่หลับ ทำให้อาจเกิดประสาทหลอนได้
ที่มา : กรมสุขภาพจิต