เบาหวาน เป็นภาวะใกล้ตัวกว่าที่คิด ซึ่งนักโภชนาการ เฉิง ฮันหยู่ ชี้ให้เห็นว่า 1 ใน 4 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี เป็นภาวะก่อนเป็น เบาหวาน – ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารคือ 100- 125 มก./ดล. และค่า glycosylated hemoglobin HbA1c 5.7-6.4 % (ซึ่งสามารถสะท้อนถึงระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยในช่วง2 – 3 เดือน ที่ผ่านมา )
ภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) คือ ภาวะสุขภาพที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ แต่ยังไม่สูงจนสามารถวินิจฉัยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งภาวะก่อนเป็นเบาหวานส่วนใหญ่มักไม่ปรากฏอาการแน่ชัด แต่จะมี 5 อาการให้สังเกตได้ ไม่ว่าจะเป็นมีอาการอ่อนเพลีย, กระหายน้ำ, ปัสสาวะบ่อย, ตาพร่ามัว, และเกิดภาวะรอยดำบริเวณข้อพับ (Acanthosis Nigricans) ได้ง่าย
โดยภาวะรอยดำบริเวณข้อพับหรือโรคผิวหนังช้าง เป็นความผิดปกติของผิวหนังที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานิน ผิวหนังจะเป็นปื้นดำหนาซึ่งมักเกิดในบริเวณรอยพับของผิวหนัง เช่น คอ ใต้วงแขน และต้นขาด้านใน อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าอาการของมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ชัดเจนเพียงพอ ดังนั้นจึงแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อการวินิจฉัย
ทำไมภาวะก่อนเป็นเบาหวานถึงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรละเลย เนื่องจากหากปล่อยให้ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องโดยไม่ทำอะไร ไม่ลดน้ำหนัก ไม่ออกกำลังกาย และไม่คุมอาหาร จะทำให้ผู้ที่มีภาวะก่อนเบาหวานจะกลายเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 ภายใน 5 ปี ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเฉิง ฮันหยู่ เผย ปัจจัยเสี่ยง 8 ประการสำหรับโรคเบาหวานอีกด้วย ได้แก่
- 1. ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด คือ โรคอ้วน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเผาผลาญอินซูลินที่ผิดปกติ น้ำหนักเกิน และไขมันในร่างกายสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานโดยตรง
- 2. อักเสบเรื้อรัง โดยผู้ที่มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาโรคอ้วน ส่งผลให้ร่างกายมีการอักเสบเรื้อรังและความไวของอินซูลินต่ำ
- 3. รับประทานอาหารไขมันสูง-น้ำตาลสูงส่งเสริมการตอบสนองต่อการอักเสบของร่างกาย ซึ่งน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือดสูงทำให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายและขัดขวางการเผาผลาญอาหาร
- 4. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลจะเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน โดยเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคเบาหวานและอาจทานแคลอรีมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่โรคอ้วนและโรคเบาหวาน
- 5. ความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้จะเพิ่มโอกาสเกิดความผิดปกติของการเผาผลาญ โดยแบคทีเรียในลำไส้ควบคุมระบบภูมิคุ้มกันและการอักเสบของร่างกาย พร้อมทั้งรักษาระดับการเผาผลาญของร่างกายมนุษย์ให้เป็นปกติ เมื่อมีแบคทีเรียในร่างกายไม่สมดุลในลำไส้จะเปลี่ยนไป นำไปสู่การรบกวนการเผาผลาญ
- 6. ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นเบาหวาน ลูกมีโอกาสเป็นเบาหวาน 40% โดยโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกับความอ่อนแอทางพันธุกรรม แต่หลักฐานการวิจัยจำนวนมากพบว่าสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ น้ำหนักปกติ และการออกกำลังกาย
- 7. ประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์: ผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีโอกาส 40 – 60% ที่จะเกิดโรคเบาหวานภายใน 5 ถึง 10 ปีหลังคลอด 8. ประวัติกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ คือภาวะที่ผู้หญิงมีฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) มากเกินประมาณ 40% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วน และความน่าจะเป็นของโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดจะเพิ่มขึ้น
เพื่อแก้ไขภาวะก่อนเป็นเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้ ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดินเร็วอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์หรือออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวันเพื่อลดไขมันและต้านการอักเสบสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้
ลดน้ำหนัก เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้เป็นปกติ โดยภาวะก่อนเบาหวานในระยะเริ่มต้นโดยตรงยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แม้แต่ผู้ที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว (ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น เบาหวานชนิดที่ 2 ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ) ซึ่งแต่เดิมมีน้ำหนักเกิน / อ้วน ก็สามารถสร้าง HbA1c <6.5% ผ่านการลดน้ำหนัก ได้
ทานผักที่มีไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารที่เพียงพอต่อการควบคุมน้ำตาลและปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ โดย ไฟเบอร์จากพืชทำให้อิ่มได้โดยไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือด แนะนำให้ทานเส้นใยอาหาร 15 กรัม ~35 กรัม เนื่องจากสามารถลดน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร HbA1c ไขมันในเลือด น้ำหนักตัว และการอักเสบของร่างกาย
แหล่งที่มาและข้อมูล : TTVC