
แน่นอนว่าในปัจจุบัน การใช้ชีวิตในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินการดื่มการใช้ชีวิตต่าง ๆ หลายครั้งที่ทำให้หลายคนละเลยหรือมองข้ามสุขภาพไป
ในวันนี้ FEED จะนำเรื่องราวที่ผู้อ่านหลายๆท่านน่าจะได้พบเจอหรือกำลังเกิดขึ้นเองกับตัว ณ ตอนนี้ อาการที่เราจะพูดกันวันนี้ว่าด้วยเรื่องการนอนกรน อาการที่หลายๆคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา หลายคนโดนแฟน โดนเพื่อนรำคาญจนไม่สามารถนอนด้วยกันได้ แล้วอาการนอนกรนเกิดจากอะไร ? มีความอันตรายขนาดไหน ?
อาการนอนกรนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ การกรนแบบธรรมดา และการกรนแบบอันตราย
การกรนแบบธรรมดาเป็นการกรนที่เกิดจากการตีบแคบในบางช่วงของระบบทางเดินหายใจ โดยเรายังสามารถหายใจได้ อากาศที่ไหลผ่านส่วนที่แคบทำให้เกิดการสะเทือนจนออกมาเป็นเสียงกรน การกรนแบบนี้ไม่อันตรายแต่ก็ไม่ควรมองข้ามไป
ส่วนการกรนแบบอันตราย มักจะพบว่าเป็นการกรนที่เกิดจาก มีส่วนในช่องทางเดินหายใจปิดสนิท อากาศไม่สามารถไหลผ่านเข้าออกได้ เมื่ออากาศไม่สามารถเดินทางได้ เสียงกรนจะหายไป และอันตรายได้เริ่มต้นขึ้นเพราะสภาวะนี้ถูกเรียกว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น ภาษาอังกฤษคือ Obstructive Sleep Apnea นิยมเรียกกันง่าย ๆ ว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ OSA
อันตรายของการหยุดหายใจขณะหลับถูกแบ่งได้เป็นอีก 2 แบบคือ
- อันตรายระยะสั้น คือการที่ร่างกายอ่อนเพลีย ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น หรือมีอาการง่วงมากในช่วงกลางวัน
- อันตรายระยะยาว ในส่วนนี้คือโรคภัยต่างๆที่พ่วงมากับภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง รวมไปถึงโรคที่กระทบกับคนส่วนมากในปัจจุบันคือ เป็นต้นเหตุของโรคซึมเศร้า

อาการที่สามารถสังเกตได้หากกำลังเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับคือ
ช่วงกลางวัน ตื่นนอนแบบไม่สดชื่น ง่วงนอนมาก หงุดหงิด ขาดสมาธิ
ช่วงเวลานอน นอนกรนเสียงดังมากเป็นประจำ มีอาการสำลักน้ำลาย หายใจแรงหายใจไม่ออก บุคคลรอบข้างอาจจะสังเกตเห็นการหยุดหายใจได้เป็นช่วงๆ
การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การรักษาโรคนี้ที่ได้รับการแนะนำมากที่สุดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือการทำ Sleep Test แบบละเอียด (Full Polysomnography) ที่สามารถวัดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 8 ข้อมูลคือ
1.คลื่นไฟฟ้าสมอง
2.การเคลื่อนไหวลูกตา
3.คลื่นไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อบริเวณคางและขา
4.คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5.วัดระดับการหายใจผ่านทางจมูก
6.วัดระดับเสียงกรนด้วยไมโครโฟน
7.วัดการเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง
8.วัดระดับออกซิเจนในเลือดและชีพจร

ทางออกที่แพทย์มักแนะนำใช้ในการรักษา
CPAP เป็นวิธีการรักษาแบบแรกที่แพทย์แนะนำ โดยเป็นการอัดอากาศผ่านทางจมูก แรงดันของอากาศที่เข้าไปจะทำให้ทางเดินหายใจไม่ตีบแคบลง เป็นการแก้ปัญหาโดยตรงและสามารถแก้ได้ในทุกระดับความแรงของอาการหยุดหายใจขณะหลับ

Oral Appliance เป็นการใส่ที่ครอบฟัน เพื่อดึงขากรรไกรล่างของเราให้ยืดออกมา ทำให้โคนลิ้นถูกยกขึ้น เพื่อขยายช่องทางเดินหายใจ ซึ่งวิธีการรักษาแบบนี้จะถูกใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถใส่ CPAP ได้
การผ่าตัด การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคนี้สามารถทำได้หลายแบบ เช่น การใช้คลื่นวิทยุจี้ การผ่าตัดต่อมทอลซิล การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน การผ่าตัดบริเวณโคนลิ้น การผ่าตัดเลื่อนกรามและขากรรไกร ซึ่งจะได้รับการแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
คุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต้องรอ เริ่มต้นจากการนอน สำหรับผู้อ่านที่กำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิต รู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกอ่อนเพลีย คงต้องลองกับมามองย้อนดูตัวเองแล้วว่าปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิตในทุกวันนี้ มาจากการนอนที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่ หลายคนเคยกล่าวว่าสิ่งดีๆเริ่มได้ในตอนเช้า แต่ปัจจุบันคำกล่าวนั้นคงไม่เป็นจริงเสียทั้งหมดเพราะการนอนที่มีส่วนถึง 1 ใน 3 ของชีวิตประจำวัน มีผลกระทบกับชีวิตของเรามากกว่าที่คิด

เรียบเรียง : กัลป์ ศรีอรุณ
อ้างอิง นพ.กีรติกร ว่องไววาณิชย์